นักวิชาการปลุกระดมทุนเยียวยาครอบครัว‘นักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินทำกิน’
16 พ.ค.62 นายไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขียนบทความ “เราจะช่วยกันเยียวยาเหยื่อที่ถูกก่ออาชญากรรมโดยรัฐ กรณีป่าไม้ที่ดิน” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อ 15 พ.ค. 2562 โดยระบุว่า นอกจากจะต้องเดินหน้าต่อสู้เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมด้านสิทธิที่อยู่อาศัยและทำกินแล้ว วาระเฉพาะหน้ายังต้องมีกองทุนช่วยเหลือครอบครัวของผู้ที่ถูกดำเนินคดีด้วยเพื่อไม่ให้กระทบต่อคนข้างหลัง ดังนี้
“จากการที่ผมไปให้กำลังใจพี่น้องที่ถูกดำเนินคดีกรณีป่าไม้ที่ดินที่ชัยภูมิ กรณีอุทยานแห่งชาติไทรทอง ผมพบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หน่วยงานของรัฐจับกุมชาวบ้านจำนวนหลายคน ที่สี่ นิตยา ม่วงกลาง แกนนำถูกตัดสินจำคุกไปแล้วในเช้าวันนี้ และคนอื่นๆ อีก 12 คน รวมทั้งแม่ ที่สาม และน้องสาวของนิตยา ก็รอวันที่ศาลจะตัดสิน ขณะที่การประกันตัวเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะต้องยื่นฎีกาก่อน”
“ก่อนหน้า ที่บ้านจัดระเบียบ จ.สกลนคร การบ้าน 34 รายที่เป็นคนจนก็ถูกดำเนินคดี ส่วนใหญ่ติดคุก บางครอบครัวติดคุกทั้งพ่อและแม่ และมีที่ติดยกตระกูล คนเหล่าส่วนใหญ่มีที่ดินและสวนยางที่สร้างขึ้นมาจากการไปเป็นแรงงานรับจ้างกรีดยางที่ภาคใต้ บางคนก็เก็บเงินจากเก็บขยะ หรือทำงานประเภทสกปรก เสี่ยง อันตราย และหวังว่าที่ดินและสวนยางจะเป็นที่มาของรายได้ของครอบครัว และมรดกให้ลูกหลานพอได้ทำกิน ไม่ต้องจากบ้านเกิดไปเป็นแรงงานต่างถิ่น”
“ผลที่ตามมาไม่ได้มีเพียงความทุกข์ของคนที่ต้องติดคุกเท่านั้น แต่บทเรียนของที่นี่ก็คือ บางคนแม่ที่ป่วยช็อคและเสียชีวิตเมื่อรู้ว่าลูกติดคุก บางคนลูกเสียสติเพราะพ่อแม่ติดคุก ลูกบางคนต้องลาออกจากการศึกษาหลังจากพ่อแม่ติดคุก นี่ไม่นับการที่ต้องขายทรัพย์สิน และมีหนี้สินที่กู้มาใช้ในการประกันตัว และการต่อสู้คดี รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ครอบครัวจะต้องเดินทางเยี่ยมที่คุก คนที่อยู่ในคุกบางคนปรับตัวยาก บางตนชราภาพและเจ็บป่วย”
“บทเรียนจากที่นี่ ทำให้ผมคิดว่าคนเหล่านี้และครอบครัวต้องเผชิญกับความทุกข์เชิงสังคม และจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แน่นอนว่าตอนนี้นโยบายรัฐไม่เอื้อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร ซึ่งก็ต้องต่อสู้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ได้ แต่สำหรับคนที่ถูกดำเนินคดีแล้ว และอาจต้องเดินเข้าคุก เราจะทำอย่างไร”
“สิ่งหนึ่งที่ผมและเพื่อนๆ ที่ไปให้กำลังใจพี่น้องที่ศาล กรณีไทรทอง คิดขึ้นมาก็คือ เราต้องหาทางให้ขุมชนรับมือหากสมาชิกที่เป็นหลักของครอบครัวต้องติดคุก เราจะทำอย่างไรให้ลูกๆ ของพวกเขาไม่ต้องลาออกจากการศึกษา เด็กๆ จะรับมือกับสถานการณ์ที่พ่อหรือแม่ติดคุกอย่างไร การผลิตทางเศรษฐกิจของครอบครัวที่แรงงานหลักต้องติดคุกจะต้องทำอย่างไร”
“ในกรณีไทรทอง ผมพบว่าบางคนที่ถูกดำเนินคดีมีลูกที่พิการ กรณีแบบนี้จะทำอย่างไร แค่กรณีของนิตยา ญาติก็บอกว่าลูกรอฟังข่าวแม่ หากแม่ติดคุกก็จะไม่ไปสอบเรียนต่อ การรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ก็คือการเตรียมความพร้อมให้กับทุกครอบครัวที่ถูกดำเนินคดี โดยให้ชุมชนร่วมมือกัน ขณะเดียวกันก็ต้องตั้งกองทุนขึ้นมา ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เช่นอาจต้องมีค่าใช้จ่ายให้คนในชุมชนดูแลเด็กที่พิการเมื่อพ่อแม่ติดคุก”
“วันนี้ ข่าวดีที่พอมีก็คือ มิตรสหายบางท่านจะช่วยวางระบบและอบรมให้ชุมชน มีคนทำข้อมูลรายครัวเรือนของผู้ที่ถูกดำเนินคดี ขณะที่วิธีการหาทุนเพื่อตั้งกองทุนแบบนี้ผมคิดไม่ออก ที่ผ่านมาเราคิดแต่เรื่องการประกันตัว และการต่อสู้คดี แต่ไม่เคยคิดประเด็นนี้ เท่าที่คิดได้ก็คือการขอระดมทุนจากสาธารณะเพื่อเป็นการตั้งต้นกองทุนโดยการร่วมกันบริจาค ขณะที่เราจะวางระบบให้ชุมชนบริหารเงินทุนและเปิดเผยค่าใช้จ่ายทั้งหมด และผมจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ และหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยเยียวยาความทุกข์เชิงสังคมของผู้ถูกดำเนินคดีกรณีไทรทองได้ระดับหนึ่ง และจะเป็นตัวอย่างให้ชุมชนอื่นๆ ที่เผชิญปัญหาแบบนี้ในอนาคตด้วย”
“สังคมช่วยกันเยียวยาพี่น้องที่ถูกดำเนินคดีและติดคุกกรณีไทรทองได้โดยการโอนเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาหนองบัวระเหว เลขที่บัญชี 335-0-34997-8 ชื่อบัญชี น.ส.พนิดา ทะหนองเป็ด และนาวแก้วฟ้า อาพรแก้ว และ น.ส.สุจิตร รู้งาน และ น.ส.ศิริวรรณ ศรีคำมวน และนายสงวน เหลืองอร่าม”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี