ชงออกกม.ใหม่
ถอดกัญชาจากยาเสพติด
ชี้รบ.ไม่กล้าเอื้อนายทุน
‘ดร.อาทิตย์’เดินรณรงค์
สภาเกษตรฯ ชง สส.ออกกฎหมายใหม่ ดึงกัญชา-กัญชง-กระท่อม ออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติด “ดร.อาทิตย์” ร่วมภาคประชาชน เดินเท้าเพื่อผู้ป่วย รณรงค์ถอดกัญชาจากยาเสพติดและเป็นสมุนไพรควบคุม
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีความรู้เรื่องกัญชารักษาโรคมากขึ้น หลังจากถูกมอมเมาว่าเป็นยาเสพติดมานาน แต่ที่ล้าหลังคือเจ้าหน้าที่รัฐและระบบราชการ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่สุดภาคประชาชนต้องออกแรงขับเคลื่อนเพื่อให้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเป็นของประชาชาชน
นายประพัฒน์ กล่าวอีกว่า สภาเกษตรกรฯ หารือกันแล้วเห็นว่าควรมีการออก พ.ร.บ.กัญชา กัญชงและกระท่อม เพราะหากพืชเหล่านี้ยังอยู่ภายใต้กฎหมายยาเสพติด จะทำให้การแก้ปัญหาต่างๆ ปลดล็อคยากมาก เช่น กัญชาแม้ใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ยังเป็นยาเสพติด ทางที่ดีออกกฎหมายใหม่เพื่อดูแลพืช 3 ชนิดนี้ เพื่อสังคมจะได้ไม่หวาดวิตก และอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ตามที่ปรากกฎในกฎหมาย ทั้งนี้ ได้หารือกับบางพรรคการเมืองแล้ว ก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ หากเปิดสภาเมื่อใด บรรดา ส.ส.สามารถเสนอกฎหมายได้ทันที
ถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่เตะหมูเข้าปากหมา นายประพัฒน์ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุข จะออกระเบียบ หรือประกาศต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ทุนผูกขาด แต่อาจเพราะขาดความเข้าใจ ทำให้ดูเหมือนว่าการออกระเบียบต่างๆ ไปเข้าทางทุนใหญ่มากกว่าประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่ฝ่ายการเมืองและราชการต้องระมัดระวัง ว่าการออกระเบียบใดๆ ต้องเขียนให้ดี ไม่ใช่เขียนแล้วประชาชนเข้าถึงยากและปล่อยให้ทุนใหญ่เท่านั้นที่เข้าถึง
“การเดินของอาจารย์เดชา และภาคประชาชนครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวที่ช่วยเร่งรัดปฏิรูปทุกกระบวนการถือว่ามีประโยชน์ทั้งสิ้น เป็นการขับเคลื่อนต่อเนื่อง ฝ่ายการเมืองไม่กล้าหักประชาชนเพราะประชาชนจำนวนมากเอาด้วย ไม่มีใครไม่ป่วย การขับเคลื่อนจึงเป็นประโยชน์” นายประพัฒน์ กล่าว
ด้าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีต รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ จะเข้าร่วมเดินเท้า “เดินเพื่อผู้ป่วย” จัดโดย นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญและเครือข่ายภาคประชาชน เริ่มเดินจากวัดป่าวชิรโพธิญาณ อ.โพทะเล จ.พิจิตร เพื่อรณรงค์ให้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดและเป็นสมุนไพรควบคุม ให้ประชาชนเข้าถึง ซึ่งจริงๆ ไม่ควรต้องทำอย่างนี้ แต่เพราะประชาชนเดือดร้อน จึงมีทางเดียวคือรัฐบาลและราชการต้องรับรู้
ดร.อาทิตย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่ากัญชาเป็นยา ช่วยชีวิตได้ในราคาถูก ชาวบ้านเข้าถึงได้ แต่รัฐบาลและราชการสร้างระบบกีดกัน แม้กระทั่งปลดล็อคครั้งก่อน มีการแก้กฎหมาย ก็ไม่ได้ปลดล็อค รัฐยังผูกขาดเพื่อนายทุน ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิเข้าถึง ชาวบ้านที่ต้องขึ้นทะเบียนก็หวั่นเกรงเหมือนชี้เป้าให้ตำรวจ จึงไม่ไปลงทะเบียนแจ้ง ประเทศลาวก้าวหน้ากว่าเรา แม้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่เขาปล่อยให้ปลูกและเป็นสินค้าส่งออก แต่ทำไมรัฐบาลไม่เข้าใจ เอามาเป็นเรื่องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น่าจะรู้ แต่กลับไม่ปลดล็อค ตนรู้ว่ามีคนจากต่างประเทศได้ผลประโยชน์มหาศาล
“พวกมีอิทธิพลก็หวง เพื่อประโยชน์ตัวเอง และต่างชาติก็จ้องที่จะตักตวง เพราะมีมูลค่านับแสนๆ ล้าน ผมเพิ่งทราบว่าที่ประเทศลาว มีคนไทยไปปลูกกัญชาไว้นับร้อยๆ ไร่ เมื่อไม่กี่วันมานี้เขามาติดต่อซื้อรังผึ้งจากพัทลุง เพื่อเอาผึ้งไปเลี้ยงในไร่กัญชา ผลิตน้ำผึ้งกัญชาส่งออกไปตะวันออกกลาง เขาก้าวหน้าไปถึงขั้นนั้นแล้ว แต่เรากลับยังหวงกันอยู่ ลองคิดดูน้ำผึ้งมีมีค่าอยู่แล้ว แต่นี่น้ำผึ้งจากดอกกัญชา ราคายิ่งสูง เราน่าจะทำได้ในประเทศ แต่กลับถูกกีดกันและหวงผลประโยชน์กันเอง” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี