ระทึกกลางป่าลึกเมืองกาญจน์ หน่วยลาดตระเวน อช.ไทรโยคร่วม ฉก.พญาเสือ (กรมอุทยาน) รวบชนกลุ่มน้อยลอบตั้งแคมป์ล่าสัตว์ชายแดนไทย ได้ของกลางมีทั้งซากหมีขอ ลิงกัง อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนเพียบ สารภาพมา 3 หนีรอด 2
วันนี้ (23 พ.ค.62) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค รองหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ พญาเสือ (กรมอุทยานฯ)ว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.62 เวลา 13.15 น.เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ร่วมกันออกลาดตระเวนปราบปราการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค
ขณะตรวจมาถึงบริเวณป่าเขาเลาะ (เหมืองเดวิด) หมู่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พื่นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากชายแดนไทย-เมียนมา ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ขณะนั้นเวลาประมาณ 13.15 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบร่องรอยการตัดไม้และใบลานลักษณะใหม่
พนักงานเจ้าหน้าที่จึงทำการแกะรอยติดตาม และได้พบชายสองคนกำลังนอนอยู่ในเปลภายในแค้มป์พักแรมกลางป่าเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดล้อมและแสดงตนเป็นพนักงานเจ้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ เพื่อขอตรวจสอบแต่ชาย 1 ใน 2 คน ได้วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ไป เจ้าหน้าที่ได้วิ่งตามไปแล้ว แต่ชายคนดังกล่าวอาศัยความรวดเร็วหลบหนีไปได้
คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัว ชายอีก 1 คนไว้ในบริเวณแค้มป์พักแรมนั้น ทราบชื่อภายหลัง คือ นายซาตู ไม่มีนามสกุล อายุ 26 ปี เป็นชนกลุ่มน้อย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ภายในแค้มป์พักแรมตรวจสอบพบซากสัตว์ป่าจำนวนหนึ่ง และอาวุธปืนจำนวน 3 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน และนายซาตูฯ รับว่าปืนทั้ง 3 กระบอก เป็นของตนเองและพวกอีกสองคน
ส่วนคนที่หนึ่งวิ่งหลบหนีไปได้ ชื่อนายซาผุ่ย ไม่มีนามสกุล และชายคนที่สอง ซื่อนายกอรา ไม่มีนามสุกล ซึ่งได้ออกจากแค้มป์ไปก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดในแค้มป์พักแรม และเร่งควบคุมตัวชายคนดังกล่าวออกจากพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากชายคนดังกล่าวเป็นชนกลุ่มน้อย
คณะพนักงานเจ้าที่จึงได้ทำการถอนกำลังออกจากแค้มป์พักแรมดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย และติดต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยค เพื่อประสานขอเฮลิคอปเตอร์จากสำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการเข้ารับตัวผู้ถูกจับและชุดพนักงานเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน
นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยต่อว่า กระทั่งเวลาประมาณ 17.40 น.ได้ทำการเคลื่อนย้ายเสร็จสิ้น คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตรวจสอบของกลางทั้งหมดที่ได้ตรวจยึดมาเพิ่มเติม จากการตรวจสอบของคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ปรากฏผล ดังนี้
อาวุธปืนกลมืออัตโนมัติ (Automatic) ยี่ห้อ Colt AR 15 ยิงกระสุนขนาด 5.56 มม.จำนวน 1 กระบอก แม็กกาซีนบรรจุกระสุน ขนาด 5.56 ม.ม.จำนวน 1 อัน กระสุนขนาด 5.56 ม.ม.จำนวน 38 นัด
อาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว ยี่ห้อ Baikal ขนาดลำกล้องยาว 73 ซ.ม. ความยาวรวมพานท้าย 114 ซ.ม.จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 7 นัด อาวุธปืนแก็ป ขนาดลำกล้องยาว 110 ซ.ม. ความยาวรวมพานท้าย 153 ซ.ม.จำนวน 1 กระบอก
จากการตรวจสอบซากสัตว์ป่า พบซากหมีขอรมควันมาจากตัวเดียวกัน จำนวน 21 ชิ้น น้ำหนักรวม 3 กิโลกรัม และพบซากลิงกังรมควันมาจากตัวเดียวกัน จำนวน 24 ชิ้น น้ำหนักรวม 2 กิโลกรัม
ตรวจสอบชนิดของซากสัตว์ป่าที่ตรวจพบกับบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พบว่า หมีขอ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลำดับที่ 194 และลิงกัง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลำดับที่ 150
ตรวจสอบตำแหน่งจุดที่พบกลุ่มชายดังกล่าว โดยใช้เครื่องมือตรวจหาค่าพิกัดด้วยสัญญาณดาวเทียม (GPS) ปรากฏว่า อยู่บริเวณพิกัดที่ 47P 0459430 E 1585369 N และได้นำค่าพิกัดดังกล่าวไปตรวจสอบกับแผนที่แสดงแนวเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค มาตราส่วน 1 : 50,000 ปรากฏว่าบริเวณดังกล่าว อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ซ้อนทับป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย
จากการสอบถามชายคนดังกล่าวได้ให้การว่าพวกตนได้เข้ามาล่าสัตว์ป่าตั้งแต่เมื่อวาน (21 พ.ค.) เพื่อนำไปเป็นอาหาร โดยใช้อาวุธปืนที่พวกตนนำมาใช้ยิงสัตว์ป่าของกลาง
เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วว่าพฤติการณ์ของนายซาตูฯ กับพวก ได้ลักลอบนำอาวุธปืนเข้ามายังประเทศไทยและเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ เป็นการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ จึงทำบันทึกเพื่อส่งพนักงานสอบสวน สภงไทรโยคดำเนินคดีใน 6 ข้อหา ประกอบด้วย
1.ฐานร่วมกันนำสัตว์ออกไปหรือทำประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ ตามมาตรา 16 (3) และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
2.ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 18 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
3.ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
4.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
5.ฐานรวมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
และ 6.สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และแก้ไขเพิ่มเติม และความผิดฐานคนต่างด้าวหลบหนี เข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ได้ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี