ฤทธิ์น้ำมันกัญชาใช้เกินขนาด
7รายหวิดดับ
สธ.ย้ำไม่ใช่4โรคอย่าเสี่ยง
สภากาชาดสรุปยอด
แจ้งครอบครองทั่วปท.
3.1หมื่น-กทม.แชมป์
รักษามะเร็งอันดับ1
สธ.เผยเจอผู้ป่วย 7 ราย ได้รับผลกระทบใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคเกินขนาด หามส่งรพ. ย้ำใช้รักษาใน 4 กลุ่มโรคสำคัญ คนป่วยทั่วไปอย่าเสี่ยงทดลองใช้เอง ต้องปรึกษาแพทย์เท่านั้น ด้านสภากาชาดฯสรุปยอดจดแจ้งใช้กัญชาผ่านเว็บไซต์ทั่วประเทศ 3.1 หมื่นราย “กทม.” แชมป์
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)แถลงข่าวหัวข้อความต้องการกัญชาทางการแพทย์ การนำมาใช้และวิถีดูแลผู้ป่วยที่เหมาะสม โดย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่าขณะนี้กรมการแพทย์ได้อบรม แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร ให้ใช้และสั่งจ่ายกัญชาเพื่อการแพทย์ได้อย่างเหมาะสม โดยทยอยอบรมเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว คาดว่าหากอบรมครบทั้ง 6 รุ่น และอบรมเพิ่มแบบกลุ่มย่อยในระดับ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผอ.รพ. ต่างจังหวัด ทำให้มีแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกรสั่งจ่ายกัญชาได้รวม 2,200 คน กระจายตามรพ.ศูนย์ และรพ.ทั่วไปในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทั่วประเทศ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และในอนาคตเตรียมให้อบรมผ่านระบบออนไลน์ อีกด้วย
ผลข้างเคียงกัญชาหามส่งรพ.7ราย
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่าหลังเริ่มพบปัญหาฤทธิ์และผลข้างเคียงจากการใช้กัญชาในผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ได้สั่งรพ.ในสังกัดกรมการแพทย์เก็บข้อมูลย้อนหลังไปในเดือนเมษายน จากการสอบถามข้อมูลของรพ.นพรัตนราชธานี พบผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบอาการข้างเคียงจากการใช้น้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้น และการสูบกัญชา รวม 7 คน
คนที่ 1 เป็นชายอายุ 20 ปี มีปัญหาปวดท้องเรื้อรัง ตัดสินใจใช้น้ำมันกัญชา คนที่ 2 เป็นหญิงอายุ 35 ปี มีปัญหาความดันโลหิตสูง ตัดสินใจใช้กัญชา และน้ำมันเกิดติดที่ริมฝีปาก เลยหยดซ้ำ เพิ่มจำนวนน้ำมันกัญชา ทั้ง 2 คนเกิดอาการเวียนศีรษะ อาเจียน บ้านหมุน ส่วนรายที่3 ไม่มีโรคประจำตัว แต่คาดว่ามีการสูบกัญชาประจำเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
รายที่ 4 เป็น พระ อายุ 60 ปี ใช้น้ำมันกัญชา บรรเทาอาการปวดเมื่อย อ้างมีหลานนำมาถวาย แต่เมื่อใช้เกิดอาการเวียนศีรษะ และตรวจพบความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดปัญหา อัมพาตครึ่งซีก แต่ไม่สามารถระบุได้ชัดเกิดจากการใช้กัญชาหรือไม่
รายที่ 5 คนไข้เคยผ่าตัดหัวใจ เป็นชายอายุ 35 ปี คิดว่ากัญชา รักษาได้ทุกโรค ลองหยดมีอาการอาเจียน เวียนศีรษะ รายที่ 6 เป็นคนสูง อายุ 75 ปี ป่วยมะเร็ง หลังใช้น้ำมันกัญชา ปลุกไม่ตื่น นอนนานถึง 2-3 วัน และรายที่ 7 ใช้กัญชาบรรเทาความเครียดและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วม ทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งอาการเหล่านี้จะเห็นว่า มีอาการคลื่นไส้รุนแรง ร่างกายเสียน้ำมาก การรักษาต้องให้น้ำเกลือ
ย้ำรักษา4โรคสำคัญอย่าทดลองเอง
นพ.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชน ทำความเข้าใจสารสกัดและน้ำมันกัญชาก่อนใช้ โดยปรึกษาแพทย์ก่อน อย่าทดลองใช้เอง เพราะอาจได้รับอันตราย หากใช้เกินขนาด อีกทั้ง ร่างกายของคนเรามีความทนต้องฤทธิ์ของกัญชาต่างกัน หากเริ่มมีอาการทางกายและจิต คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ควรรีบพบแพทย์ นอกจากนี้ ขอย้ำข้อบ่งชี้ในการใช้น้ำมันกัญชา ยังแค่ 4 โรคเท่านั้น ได้แก่ ลมชักในเด็ก ปอกประสาทเสื่อมแข็ง บรรเทาอาการปวด แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน จากเคมีบำบัด ส่วนโรคอื่น ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่า กัญชารักษาได้ ผลอยู่ระหว่างวิจัย ส่วนกรณีมีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิต ต้องการใช้กัญชา อยากให้พิจารณาให้ดี เพราะกัญชามีฤทธิ์ และผลข้างเคียงสูง ทำให้หัวใจเต้นเร็วได้
สภากาชาดเผยยอดจดแจ้งผ่านเว็บ3.1หมื่น
ด้านศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขกล่าวว่า ตามที่คณะทำงานสภากาชาดไทยพัฒนาระบบลงทะเบียนใช้กัญชาผ่านอินเตอร์เน็ต เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยที่ใช้กัญชารักษาโรค เพื่อขอนิรโทษกรรม เนื่องจากผู้ป่วยอาจไม่สะดวกเดินทาง หาใบรับรองแพทย์หรือใบรับรองชื่อโรคไม่ทันภายในกำหนด ครอบคลุมผู้ป่วยที่เคยลงทะเบียนไปแล้วกับสำนักงานคณะคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ผู้ป่วยใหม่ที่ประสงค์ลงทะเบียน โดยเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 13-21 พฤษภาคมที่ผ่าน ขณะนี้ปิดลงทะเบียนแล้ว ซึ่งสภากาชาดไทยจะส่งฐานข้อมูลดังกล่าวไปยัง อย.เตรียมผลิตสารสกัดจากกัญชาให้เพียงพอต่อผู้ป่วย
ขณะที่นายอภิวัฒน์ เฟื่องฟู หัวหน้าทีมพัฒนาเว็บไซต์ www.cbd.org กล่าวว่าสำหรับยอดสรุปผู้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ระหว่างวันที่ 13-21 พฤษภาคม โดยจำนวนผู้ที่เข้ามากรอกข้อมูลในเว็บไซต์ www.cbd.org รวม 139,777 คน จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจำนวนนี้มีผู้ยืนยันตนในระบบ กรอกข้อมูลไม่ครบทุกขั้นตอน 43,892 คน โดย 31,777 คนยืนยันครบทุกขั้นตอนและกรอกข้อมูลครบถ้วน
สำหรับ 5 จังหวัด ที่มีผู้ลงทะเบียนแต่ละจังหวัดได้แก่อันดับ 1กรุงเทพมหานคร(กทม.) 8,726 คน รองลงมาคือ จ.นนทบุรี 1,400 คน จ.นครราชสีม า 1,205 คน จ.เชียงใหม่ 1,203 คน และ จ.ปทุมธานี 1,145 คน เมี่อแยกตามภาค ดังนี้ อันดับ 1 ภาคกลางมีผู้ลงทะเบียน 15,748 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ซึ่งจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุดได้แก่ กทม. 8,726 คน นนทบุรี 1,400 คน สมุทรปราการ 1,125 คน ปทุมธานี 1,145 คนและนครปฐม 466 คน ภาคอีสาน5,157คนหรือคิดเป็นร้อยละ 16 ซึ่งจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุดได้แก่นครราชสีมา1,205คน บุรีรัมย์462คน ขอนแก่น 418คน อุบลราชธานี364คนและอุดรธานี286คน
ขอใช้รักษา”มะเร็ง”มาอันดับ1
นายอภิวัฒน์กล่าวต่อว่า ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก 3,699 คน คิดเป็นร้อยละ12ซึ่งจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี 1,107 คน ระยอง 349 คน ฉะเชิงเทรา 334 คน ราชบุรี 325คนและเพชรบูรณ์ 311 คน ภาคใต้ 3,371 คนคิดเป็นร้อยละ 10ซึ่งจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 652 คน นครศรีธรรมราช 600 คน สงขลา 421 คน ชุมพร 361 คนและภูเก็ต 348 คน และภาคเหนือ 3,202 คน คิดเป็นร้อยละ 10 ซึ่งจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 1,203 คน เชียงราย 827 คน ลำปาง 323 คน พะเยา 230 คน และแพร่ 174 คน
ส่วนอันดับอาการของผู้ป่วย ที่เข้ามาลงทะเบียน พบว่าอันดับ 1.มะเร็ง และอาการที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง 2.โรคไบโพลา 3.โรคซึมเศร้าและ4.อัลไซเมอร์
แพ้น้ำมันกัญชาใช้ประกันสังคมรักษาได้
ด้านนายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.)กล่าวถึงกรณีที่ใช้น้ำมันกัญชาในการรักษาแล้วเกิดอาการแพ้หรือได้รับผลกระทบจากการใช้ยาก็ถือว่าเป็นการเจ็บป่วย สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สิทธิบัตรทอง)เบื้องต้นหากได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำมันกัญชา หากเป็นการรักษาพยาบาลตามสิทธิก็ไม่มีปัญหา ถือเป็นสิทธิการรักษาพยาบาลอยู่แล้ว.
อภัยภูเบศรชี้ใช้กัญชาไร้สูตรตายตัว
มีความเห็นจาก ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กรณีนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจและหัวหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.วิชัยยุทธโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุพบผู้ป่วยใช้น้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นเพื่อให้นอนหลับโดยใช้เกินขนาดกว่า40หยดจนประสาทหลอนและต้องส่งห้องฉุกเฉินว่ากระแสใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคค่อนข้างได้รับความนิยม มีการส่งข้อมูลต่อกันแพร่หลาย แต่ในการรักษาหรือใช้ทางการแพทย์ยังจำเป็นต้องควบคุมส่งเสริมประชาชนเรียนรู้เข้าใจอย่างถูกต้องโดยขนาดการใช้ที่เหมาะสมนั้น กำหนดขนาดตายตัวไม่ได้ ต้องปรับให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย แต่หลักการเดียวกันคือ เริ่มทีละน้อย ก่อนเพิ่มขนาดจนคุมอาการเจ็บป่วยได้
ดร.ภญ.ผกากรอง กล่าวต่อว่าการพิจารณาขึ้นกับสาเหตุหลัก คือ1.ชนิดกัญชาที่นำมาใช้สายพันธุ์ ความเข้มข้นของยาสกัด รูปแบบที่ใช้ย่อมให้ผลลัพธ์ต่างกัน 2.โรคที่ผู้ป่วยเป็น 3.การตอบสนองต่อยากัญชา ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นผู้ป่วยที่มีความต้องการใช้ยาจากกัญชาแต่ไม่ทราบขนาดที่เหมาะสม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจประเมินร่างกาย และทราบขนาดยาที่เหมาะสมของตนก่อน ไม่ควรใช้เอง เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ ทางรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรกำลังเก็บข้อมูล และศึกษาอย่างจริงจัง ถึงผลดีผลเสียและความปลอดภัย การใช้อย่างเหมาะสมของยาจากกัญชา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี