จ.สุรินทร์  สาววัย 15 ปี นักศึกษาช่าง ถูกคู่อริ “แก๊งไวท์ดรากอน” กว่า 10 คนยกพวกตีเจ็บ ผู้ปกครองผวาร้องสื่อช่วยหลังถูกคุกคามอย่างหนัก

30 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจาก ผู้ปกครองของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค.62 เวลาประมาณ 18.30 น. นางสาว เอ (นาสมมุติ) ลูกสาววัย 15 ปี นักเรียนช่างโยธา ชั้นปีที่ 1 ได้ถูกเพื่อนนักศึกษาสาวร่วมสถาบัน “แก๊งไวท์ดรากอน”กว่า 10 คนรุมทำร้าย โดยใช้เครื่องมือช่างประแจ ตีทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ ร.ต.อ.เอกรินทร์ ใจพินิจ พนักงานสอบสอน สภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อดำเนิดคดีตามกฎหมายแล้ว แต่เกรงกลัวอิทธิพลของ“แก๊งไวท์ดรากอน”ซึ่งเป็นแก๊งวัยรุ่นขนาดใหญ่ มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก ทุกวันหลังเกิดเหตุ ลูกสาวและเพื่อน มักจะถูกตามคุกคาม ข่มขู่อย่างต่อเนื่องที่หอพัก จนผวากลัว กำลังจะพากันย้ายที่พักหนีเพื่อความปลอดภัยของลูกสาวและเพื่อน วอนสื่อลงพื้นที่นำเสนอข่าวสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รุดลงพื้นที่ ตรวจสอบที่หอพักแห่งหนึ่งหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ตามที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ปกครองให้มา จนได้พบกับ นางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนช่างโยธา ชั้นปีที่ 1 และเพื่อนสาว นางสาว บี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นักเรียนช่างกล ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคนิคชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์เพื่อสอบถามไปยัง ร.ต.อ.เอกรินทร์ ใจพินิจ พนักงานสอบสอน สภ.เมืองสุรินทร์ ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้เปิดเผยว่า ยังไม่มีการตัดเลขคดีอาญา เนื่องจากในวันนี้ (30 พ.ค.62) เวลา 12.00 น. ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมากสอบปากคำเพิ่มเติมที่ห้องสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายว่าเป็นการรุมทำร้ายหรือว่าสมัครใจนัดแนะกันมาทำร้ายซึ่งกันและกัน

จากการสอบถาม นางสาว บี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นักเรียนช่างกล เพื่อนสาว เล่าว่า ขณะเกิดเหตุมีอาซ้อของแก๊งนี้ มาดึงตนออก ก็เลยเข้าไปช่วยเพื่อนสาวไม่ได้ คนในเรียก ซ้อปลา ลักษณะ อ้วน เตี้ย และผมยาว ตนไม่ได้ถูกทำร้าย ขณะเกิดเหตุเป็นห่วงเพื่อนมากแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่สงสาร พวกเขาเข้ามารุม มีทั้งกระเทย ช่วยรุมกระทืบ ตนและเพื่อนไม่เคยรู้จักกลุ่มที่มารุมทำร้ายเป็นการส่วนตัวมาก่อน รู้แค่ว่าในกลุ่มรุ่นพี่เล่าต่อกันถึงอิทธิพลของกลุ่มหรือแก๊งนี้ในวิทยาลัยฯ ว่า

เป็นแก๊งใหญ่มีชื่อเสียงมานาน เขาตั้งใจจะตีก็ต้องตีให้ได้ หลังเกิดเหตุ ตนกลัวมาก เพราะเขาจะมาเพ่นพ่านแถวหอพักเป็นประจำ เป็นลูกน้องเขาขี่รถมอเตอร์ไซด์มาวนดู ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาตอนไหน ตั้งแต่มีเรื่อง เขามาเพ่นพานแถวนี้ตลอด แต่บางครั้งขณะมีรุ่นพี่อยู่ในหอพักก็ยังเข้ามาถามหาพวกตน ทำให้ตนและเพื่อนไม่กล้าที่จะอยู่หอแถวนี้แล้ว เพื่อนอยู่ที่หอพักแห่งนี้กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง

ขณะเกิดเหตุอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามารุมทำร้ายเพื่อนของตนเองก่อน ขณะที่ตนกำลังจะเข้าไปช่วย แต่ว่าได้มีซ้อขอฝ่ายหนึ่งมาดึงตัวตนออก ตนก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพื่อนก็ไปตัวคนเดียว และที่ติดตัวไปด้วยก็คืออาวุธ ประแจ ขนาดไม่ใหญ่มาก เพื่อนเป็นคนทุบหัวเขาก่อน เพราะว่าทางนั้นเขาเปิดเพื่อนตนก่อน ฝ่ายเขามากว่า 10 คน ฝ่ายตนประมาณ 6-7 คน ทั้งต่อย ทั้งตบ ทั้งตี และมีรุ่นพี่อีกคนมาดึงเพื่อนหนูเอาไว้ เพื่อจึงหยิบประแจขึ้นมา เพื่อตีหัวเพื่อประกันตัวเอง พอแก๊งเขาเห็นก็วิ่งเข้ามารุมทำร้ายเพื่อนหนู มีกระเทย มีรุ่นพี่เข้ามารุม และในขณะที่รุมทำร้ายมีคนถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย 2-3 คน ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ่ายคลิปเอาไว้ไปทำไม คิดว่าน่าจะเอาน่าจะเอาลงในกลุ่มแชทในกลุ่มแก๊งเขาหรือเปล่า ตั้งแต่ตนเรียนที่วิทยาลัยแห่งนี้ ยังไม่เคยเจอถูกทำร้ายแบบนี้ “แก๊งไวท์ดรากอน”เป็นแก๊งที่โหดมาก  มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่รุ่นแรก จนถึงรุ่นปัจจุบันนี้

ด้าน นางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนช่างโยธา ผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า เริ่มต้นจากการแชทท้าทายและชวนให้ไปพบกันที่ สวนใหม่ ก็คุยกันดีๆ แล้วก็พากันกลับหอพัก สักพักเขาก็ขอนัดพบอีกครั้ง แถมโพสต์ข้อความต่อว่าพวกตน ตอนแรกที่ไปถึงคิดว่าเขามาเพียงคนเดียว แต่พอไปถึงพบว่า พวกเขามาเยอะมากเลย ตนตั้งตัวไม่ทัน เพราะอยู่คนเดียว บริเวณหน้าสวนใหม่ เพื่อนๆก็ไม่มีใครอยู่ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการแชทคุยกันทางไลน์ ถามว่า ตนมองหน้าเขาทำไม ตนก็ตอบกลับไปว่า ไม่ได้มองหน้า เขาก็ต่อว่าโกหก ก็ตอบกลับไปว่า ไม่ได้มองหน้าเพราะว่าเราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เขาพากันถ่ายคลิปขณะรุมทำร้ายตนเอง ครั้งแรกนัดพบตนก็ไป ครั้งที่สองนัดให้ไปตนก็กลับไปอีกครั้ง คิดว่าเขาคงมา 2-3 คน แต่พอครั้งที่ 2 เขาก็พาพวกพี่ๆของเขามากันเต็มเลย ตนมารู้ทีหลังว่าพวกเขาคือ “แก๊งไวท์ดรากอน” หลังเกิดเหตุ ตนได้โทรศัพท์ไปบอกผู้ปกครอง ที่อยู่ที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ได้พาเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุรินทร์ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป