'ผช.ผบ.ตร.-บช.ภ.1'แถลงจับกุม'บัญชีม้าแก๊งคอลฯ-บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน'

'ผช.ผบ.ตร.-บช.ภ.1'แถลงจับกุม'บัญชีม้าแก๊งคอลฯ-บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน'

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 20.25 น.

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผช.ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เงินคืน ผู้เสียหายสุดดีใจและประทับใจในการทำงานของตำรวจ และจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ได้ของกลางเป็นจำนวนมาก

สืบเนื่องจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามแต่งตั้ง “คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ตามคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร.และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช./รอง ผอ.ศปอส.ตร.ร่วมขับเคลื่อนการทำงาน เพื่อยกระดับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน รูปแบบหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การพนันออนไลน์ การเผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงการฟอกเงินโดยการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติในครั้งนี้


วันอังคารที่ 21 ก.ย.68 เวลา 15.00 น. ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นำโดย พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ชินโชติ วัฒนธนานพ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.3 บก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงข่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทลายแก๊งกดเงินบัญชีม้าสมุทรปราการ ยึดเงินสดได้คามือเกือบ 2 ล้านบาท

โดยกรณีนี้ ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่งได้รับสายโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่าผู้เสียหายมีพัสดุตกหล่น ต่อมามีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองผู้บริโภคแจ้งว่าต้องตรวจสอบเงินของผู้เสียหายเพื่อคุ้มครองเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแจ้ง สุดท้ายถูกหลอกให้โอนเงินออกไป จำนวน 400,000 บาท และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เพื่อพาเข้าแจ้งความ ณ สภ.พระประแดง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนกรณีดังกล่าว โดย บก.สส.ภ.1 ได้รับแจ้งข้อมูลจาก War Room IAC สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าได้มีกลุ่มแก๊งคอกม้าทำหน้าที่เป็นจัดหาบัญชีม้ามาถอนเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งคาดว่าสร้างความเสียหายแล้วกว่า 4,000,700 บาท

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.1 ได้สืบสวนติดตามจนรู้ตัวกลุ่มคนร้ายและยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมดว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ที่ทำหน้าที่เป็นกลุ่มคนคุมคอกบัญชีม้าในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จนกระทั่งในวันที่ 20 ต.ค.68 เวลาประมาณ 15.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่คุมคอกบัญชีม้าได้ออกมาเตรียมตัวเพื่อจะให้บัญชีม้าออกมาถอนเงินสด จึงได้สะกดรอยติดตามไปจนถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาพระประแดง และเฝ้าติดตามไว้

จนกระทั่งมี น.ส.แสงดา พร้อมกับ นายธนากรณ์ ลงมาจากรถยนต์ ยี่ห้อ mitsubishi รุ่น xpender ที่ใช้รับส่งบัญชีม้าไปถอนเงินตามสถานที่ต่างๆ ได้เดินไปถอนเงินสดที่ธนาคารแรก จำนวน 525,820 บาท และธนาคารที่สอง จำนวน 1,398,580 บาท (ถูกหักค่าธรรมเนียมบัญชีต่างจังหวัด 1,420 บาท) รวมทั้ง 2 ธนาคารเป็นเงิน จำนวน 1,924,400 บาท ต่อมา น.ส.แสงดา ได้นำเอาเงินไปให้นายธนากรณ์ ที่ยืนรออยู่บริเวณใกล้กับธนาคาร เพื่อจะนำเงินสดไปให้นายกิตติพงศ์ ที่จอดรถยนต์รออยู่ในบริเวณลานจอดรถของห้าง เพื่อรอนำไปส่งให้แก่คนรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัว น.ส.แสงดา และ นายธนากรณ์ พร้อมตรวจยึดเงินสดของกลางรวม 1,924,400 บาท โดยในระหว่างจับกุมทั้ง 2 ราย นายกิตติพงศ์ได้เห็นเหตุการณ์ จึงขับรถยนต์หลบหนีส่วนชายอีกคนที่ทำหน้าที่รอรวบรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น Forza สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวนายกิตติพงศ์ ไว้ได้ในซอยเทศบาลบางปู 45 อ.บางปู จ.สมุทรปราการ ส่วนผู้รวบรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวได้ที่ซอยเคหะ 29 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ทราบชื่อ นายมนัสชัย จึงได้เชิญตัวมาให้ถ้อยคำในเรื่องดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ได้แก่

1. น.ส.แสงดา อายุ 30 ปี (บัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นเงินสด จำนวน 1,924,400 บาท, สมุดบัญชีเงินฝาก และโทรศัพท์มือถือ

2. นายธนากรณ์ อายุ 26 ปี (คนคุมบัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสะพายที่ใช้ใส่เงินสดที่ถอน

3. นายกิตติพงศ์ อายุ 31 ปี (คนคุมบัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นรถยนต์ mitsubishi รุ่น xpender และโทรศัพท์มือถือ

โดยดำเนินคดีฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง โดยมีพฤติการณ์ที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ม.9) , จัดหา โฆษณา หรือไขข่าว เพื่อให้มีการซื้อขาย บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้กระทำความผิดทางอาญา (ม.10)"

ส่วนอีกคดี ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ตำรวจภูธรภาค 1 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 , สั่งการให้ ข้าราชการตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และในเขตพื้นที่ใกล้เคียง บก.สส.ภ.1 นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.สส.ภ.1 ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาขนบุหรี่ไฟฟ้า ดังต่อไปนี้

นายอภิวัชญ์ หรือ โอ๊ต อายุ 29 ปี ที่อยู่ ซ.บางแวก 79 ถ.บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560” สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ซ.บางแวก 79 ถ.บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์กล่าวคือ บก.สส.ภ.1 ได้ดำเนินการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกรณีผู้ลักลอบขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดยผิดกฎหมาย ชุดสืบสวนได้สืบสวนและทราบว่ามีผู้ที่ลักลอบจำหน่ายประกาศทางสื่อโฆษณาออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน X มีชื่อว่า “High Moon” ได้เปิดให้มีการลักลอบจำหน่ายประกาศขายบุหรี่ไฟฟ้าผสมกัญชาซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามดังกล่าว โดยเปิดเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ มีช่องทางการติดต่อผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์

จากการสืบสวนพบว่า นายอภิวัชญ์ หรือ โอ๊ต ผู้ต้องหา เป็นผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว ให้กับประชาชนทั่วไป จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ต้องหาพักอาศัยและซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ของกลางทั้งมด ไว้ที่บ้านพักในพื้นที่ ซ.บางแวก 79 ถ.บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลให้ออกหมายค้น

จากนั้น เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 06.00 น.เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1 ได้นำหมายค้นของศาลอาญาธนบุรี ที่ 496/2568 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2568 เข้าทำการตรวจค้น บ้านพักในพื้นที่ ซ.บางแวก 79 ถ.บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พบ นายอภิวัชญ์ หรือ โอ๊ต ผู้ต้องหา แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้น พบบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ทั้งสิ้น 12,500 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่าบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นของตนจริง มีไว้เพื่อลักลอบจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และจับกุม นายอภิวัชญ์ หรือ โอ๊ต ผู้ต้องหา ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560” และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงการกระทำผิดดังกล่าวว่าได้มีกลุ่มบุคคลได้ลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้ามาจัดจำหน่าย ซึ่งอาจทำให้วัยรุ่นและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย และประชาสัมพันธ์ว่าการมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในความครอบครอง มีความผิดทางกฎหมาย ทั้งนี้ทางตำรวจภูธรภาค 1 จะดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว โดยใช้มาตราการลงโทษทางกฏหมายในฐานความผิดขั้นสูงสุด เพื่อเป็นแบบอย่างมิให้การกระกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว และจะดำเนินการจับกุมการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนสืบไป

ขณะที่ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ สายอุบล ผบก.อก.ภ.1 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายอำนวยการ ควบคุมงานแถลงข่าวและประชาสัมพันธ์ข่าว ตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า ได้รับข่าวสาร เผยแพร่ข่าวสารนี้ให้กับประชาชนและข้าราชการตำรวจ และสังกัดพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อให้ได้รับทราบเป็นความรู้ข้อมูลในเรื่องต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อข้าราชการตำรวจและประชาชนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top