“ข้าวไร่ (Upland rice)” คือข้าวที่มีการปลูกบนที่ไร่ ที่ดอน หรือที่สูง โดยอาศัยน้ำฝนตามฤดูกาล ปัจจุบันข้าวไร่หลายสายพันธุ์ที่เคยเป็นอาหารสำรองแก่ครัวเรือนกำลังหายไปจากประเทศ เนื่องจากสามารถปลูกได้เพียงปีละครั้งและให้ผลผลิตน้อยกว่าข้าวนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงเดินหน้าวิจัยและพัฒนาข้าวไร่จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การเสาะหาข้าวสายพันธุ์เด่นที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ไปจนถึงการสนับสนุนองค์ความรู้ เมล็ดพันธุ์รวมถึงเป็นกำลังสำคัญในถ่ายทอดขยายการทำงานสู่ชุมชน
สมพงศ์ จันทร์แก้ว อาจารย์สาขาพืชไร่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ทำวิจัยโครงการ “การคัดเลือกข้าวไร่พันธุ์พื้นเมืองที่ทนทานต่อการขาดธาตุฟอสฟอรัสเพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวไร่”กล่าวว่า ฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบสำคัญของสารพันธุกรรม ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต หากพืชขาดธาตุนี้จะทำให้การเจริญเติบโตไม่ปกติ เติบโตช้า แคระแกร็นการติดดอกออกผลไม่สมบูรณ์
จากเหตุผลที่กล่าวมาจึงได้ทำการ“ทดสอบความทนทานต่อสภาพการขาดธาตุฟอสฟอรัสของข้าวไร่พื้นเมืองรวมถึงประเมินความสัมพันธ์กับเครื่องหมายโมเลกุลที่เชื่อมโยงกับยีน (Gene) ที่ทนทานต่อการขาดฟอสฟอรัสกว่า 150 สายพันธุ์” จากสายพันธุ์ข้าวพื้นเมืองหลายร้อยสายพันธุ์ที่ ผศ.ดร.จิรวัฒน์ สนิทชน หัวหน้าโครงการการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากเชื้อพันธุกรรมข้าวพื้นเมือง ได้เก็บไว้เมื่อกว่าสิบปีที่ผ่านมา
หลังการทดสอบพบว่า “มีข้าวพื้นเมืองที่มีความทนทานต่อการขาดฟอสฟอรัสจำนวน 12 สายพันธุ์” ซึ่งมีคุณลักษณะเด่นแตกต่างกันไป ทั้งผลผลิต ปริมาณอะไมโลส และการเป็นข้าวสีที่มีรงควัตถุในเมล็ด ทั้งนี้หนึ่งในกลไกสำคัญในการคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ คือ “การเสาะหาพันธุ์ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นดินทรายหรือดินร่วนปนทรายซึ่งกักเก็บธาตุอาหารไว้ในดินได้ไม่ดี” เนื่องจากกว่าร้อยละ 90 ของปุ๋ยที่ใส่ลงไปอาจเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบที่พืชไม่สามารถนำไปใช้ได้หรือถูกตรึงไว้ในดิน ทำให้พืชประสบปัญหาขาดฟอสฟอรัส
อาจารย์สมพงษ์อธิบายว่า “การที่ต้องเสาะหาคุณลักษณะเด่นควบคู่ไปกับความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากข้าวไร่โดยทั่วไปให้ผลผลิตต่ำเพียง 300-400 กิโลกรัมต่อไร่เท่านั้น แตกต่างจากข้าวนาในภาคอีสานที่มีผลผลิตประมาณ 500-600กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งยังคงน้อยกว่าภาคกลางที่มีความอุดมสมบูรณ์และอาศัยน้ำชลประทาน” ข้าวไร่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่งเสริมให้เกษตรกรในภูมิภาคปลูก จึงเป็นข้าวสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถทดแทนจุดอ่อนด้านสภาพแวดล้อมและผลผลิต
“คุณสมบัติพิเศษสำคัญประการแรกที่นำมาทดแทนคือการเป็นข้าวสี เช่น ข้าวพันธุ์เหนียวดำม้ง(ข้าวเหนียวเมล็ดสีดำจากจังหวัดเพชรบูรณ์) และข้าวพันธุ์เมล็ดฝ้าย (ข้าวเจ้าเมล็ดสีดำจากภาคใต้) ซึ่งมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถนำมาผสมกับข้าวมะลิโกเมนสีแดง และข้าวขาวที่มีความนุ่มกว่าได้เป็นผลิตภัณฑ์ข้าว 3 สี ดีต่อสุขภาพ รสชาติอร่อยและมีราคาสูง” อาจารย์สมพงษ์ กล่าว
จากห้องทดลองสู่พื้นที่จริง..โครงการการคัดเลือกข้าวไร่พันธุ์พื้นเมืองที่ทนทานต่อการขาดธาตุฟอสฟอรัสเพื่อใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวไร่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ถูกนำไปทดลอง ณ “ชุมชนบ้านหนองแซง” ต.หนองแซง อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่นโดยสนับสนุนให้ปลูกข้าว 2 สายพันธุ์หลักคือ ข้าวพันธุ์เหนียวดำม้งและข้าวพันธุ์เมล็ดฝ้าย เป็นรายได้เสริมในช่วงเว้นว่างจากการปลูกอ้อย (ช่วงรื้อตอ) ซึ่งจะมีพื้นที่หมุนเวียนให้ปลูกได้ในทุกปี ปัจจุบันมีทุนหมุนเวียนในชุมชนสูงถึงหลักล้านบาท
การเพาะปลูกข้าวไร่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับผู้ที่มีพื้นที่เป็นจำนวนมากเท่านั้น “ผู้ที่มีที่ดินเพียง 2 ไร่ ก็สามารถทำในส่วนของการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่จำเป็นต้องอาศัยการดูแลสูงได้ เพราะให้ผลตอบแทนในเรื่องราคาสูงกว่าข้าวไร่ทั่วไปถึง 3 เท่า” ที่สำคัญมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องเข้ามารับซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวพื้นเมืองเพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับการนำไปสกัดสารสำคัญหรือแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มคุ้มค่าแก่การลงทุน
อาจารย์สมพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า“การที่ต้องรักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองไว้ เพราะเป็นพันธุ์ข้าวที่ถูกคัดเลือกมานับร้อยปี มีคุณลักษณะเหมาะสมกับพื้นที่” ดังนั้นการจะพัฒนาสายพันธุ์จึงทำได้ง่ายกว่าการนำเอาสายพันธุ์อื่นจากต่างประเทศที่มีลักษณะเด่นแต่ไม่เหมาะกับสภาพพื้นที่มาใช้ ที่สำคัญหากสามารถชูเอาจุดเด่นของข้าวเหล่านั้นไปสู่ตลาดที่เหมาะสม แล้วส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกและแปรรูป ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้สู่ชุมชน
ทำให้ลูกหลานสามารถกลับคืนถิ่นได้!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี