นักวิชาการชี้แก้กม.เลิกเอาผิดอาชีพค้าประเวณีได้ประโยชน์ทุกฝ่าย เชื่อยอดผู้ขายบริการไม่พุ่ง
12 มิ.ย. 2562 ที่งานสัมมนา “โครงการทบทวนกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี” ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) นายอัครวัฒน์ เลาวัณย์ศิริ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนกรณีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานค้าประเวณี โดยยอมรับว่ามีผู้ไม่เห็นด้วยเรื่องอาชีพขายบริการทางเพศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จึงเขียนร่างกฎหมายเปิดช่องให้สามารถกำหนดพื้นที่เฉพาะ (Zoning) สำหรับการห้ามตั้งสถานบริการอย่างเด็ดขาดในบางพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน ในรูปแบบการออกพระราชกฤษฎีกา ทั้งนี้ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องคุ้มครองสิทธิของคนกลุ่มนี้ ทั้งตามพันธะกรณีระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการจัดการการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women - CEDAW) ที่รัฐบาลไทยไปลงนามรับรองไว้ รวมถึงรัฐธรรมนูญไทยฉบับ 2560 ในมาตรา 40 ว่าด้วยเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
นอกจากนี้ยังมีประเด็นด้านสุขภาพที่ไม่เฉพาะผู้ขายบริการเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ซื้อบริการ ตลอดจนครอบครัวของคนเหล่านี้ด้วย เช่น สามีไปซื้อบริการทางเพศ กลับมาบ้านจะนำโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาติดภรรยาหรือไม่ จึงต้องมีมาตรการทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองให้ทั่วถึง โดยยึดหลักบูรณภาพในร่างกายและชีวิต อาทิ ผู้ขายบริการต้องสามารถปฏิเสธไม่รับลูกค้าบางประเภทหากเห็นว่าตนเองสุ่มเสี่ยงจะได้รับอันตราย การถูกเอารัดเอาเปรียบกรณีเป็นลูกจ้างในสถานบริการ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล
นายอัครวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่สังคมไทยกลัวกันว่าหากเลิกเอาผิดผู้ค้าประเวณีโดยสมัครใจ ซึ่งปัจจุบันมีฐานความผิดดังกล่าวอยู่ใน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 แล้วจะทำให้มีผู้ค้าประเวณีมากขึ้น เท่าที่ตนศึกษาจากสถิติที่มีผู้รวบรวมไว้ พบว่าในความเป็นจริงจำนวนหญิงไทยที่ค้าประเวณีลดลงจากในอดีต โดยช่วงที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนคือช่วงสงครามเวียดนาม แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลดลง ไม่ได้เพิ่มขึ้นตลอดอย่างที่เข้าใจกัน อย่างไรก็ตามในกลุ่มที่เพิ่มขึ้นคือหญิงต่างด้าวและผู้ขายบริการที่เป็นผู้ชาย
อนึ่ง ตนยังมีข้อสังเกตด้วยว่าวิถีชีวิตของคนไทยเองก็ไม่เอื้อต่อการประกอบอาชีพค้าประเวณี เพราะคนไทยมีนิสัยรักสบาย แต่การค้าประเวณีผู้ขายบริการต้องพบกับอะไรมากมาย เช่น ผู้มีอิทธิพล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และอื่นๆ ที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจในการถูกล่วงละเมิดสิทธิบางอย่างเสมอ ดังนั้นสำหรับคนไทยหากมีช่องทางอื่นในการหาเงินที่มากกว่าและเร็วกว่าก็จะไปทางนั้นทันที
“ในเรื่องความอนุรักษ์นิยม อย่างไรก็ต้องให้กฎหมายนี้ออกมาเพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองก่อนว่ามันช่วยเหลือสังคมได้แค่ไหนอย่างไร แต่ถ้าเกิดโอกาสในการออกกฎหมายไม่มีเลย เราก็จะไม่รู้ทิศทางว่าอนุรักษ์นิยมมันยังคงเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่หรือเปล่า หรือมันจะมีจุดไหนที่ยอมรับได้ในสังคม เพราะสังคมเปลี่ยน กฎหมายออกมารองรับตรงนี้ มันถึงเวลาของมัน” นายอัครวัฒน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี