“สพฐ.”ตรวจเยี่ยมโรงเรียนร่วมพัฒนา จ.ระยอง มั่นใจ โครงการนี้เดินหน้าต่อ เพราะเกิดจาก รบ.พล.อ.ประยุทธ์ นร.ชอบได้ความรู้ ได้อาชีพ ได้เงิน
13 มิ.ย.62 นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) พร้อมด้วย ว่าที ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายมีชัย วีระไวทยะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิวีระไวทยะ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project) และผู้บริหาร บริษัทสยามลวดเหล็กอุต จำกัด,โรงเรียนนานาชาติรักบี้, สมาคมพัฒนาประชากรชุมชน, มูลนิธิวีระไวทยะ และคณะกรรมการโครงการฯ เดินทางตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงเรียนวัดกระเฉท และโรงเรียนวัดเกาะ จ.หวัดระยอง ซึ่งเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project)
นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมโรงเรียนวัดกระเฉท และโรงเรียนวัดเกาะ จ.หวัดระยอง เพื่อดูความก้าวหน้าภายหลังจากที่โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการมาระยะหนึ่งแล้ว และพบว่าโรงเรียนทั้ง 2 แห่งสามารถบริหารจัดการได้ดีและมีความหลากหลายทั้งทางวิชาการและการปฏิบัติทางการเกษตรของเด็กนักเรียน ที่สามรรถนำผลผลิตที่ได้ไปขายได้ทั้งเงินและได้ความรู้ให้เด็กและชุมชนประกอบอาชีพด้วย
นายสนิท กล่าวต่อว่า ขณะนี้ โรงเรียนต่างๆได้เข้าโครงการฯมาระยะหนึ่งแล้ว ในวันนี้จึงมีการประชุมคณะกรรมการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษาในรูปแบบโรงเรียนรวมพัฒนา(Partnership School Project) โดยมีบริษัทเอกชนต่างๆ รวมถึงหอการค้า จ.ระยอง เข้าร่วมประชุมด้วย โดยตนจะนำผลการตรวจเยี่ยมโรงเรียนในวันนี้เข้าหารือในที่ประชุมด้วย คาดว่าจะมีบริษัทเอกชนเข้าร่วมสนับสนุนโรงเรียนในโครงการฯให้สามารถพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า โครงการร่วมพัฒนา (Partnership School Project) มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ภาคเอกชนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมเป็นกรรมการบริหาร ในคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน เพื่อมาร่วมคิดร่วมพัฒนา และร่วมประเมินติดตามผลการจัดการศึกษา การประเมินครู คุณภาพนักเรียน ชุมชน โดยใช้โรงเรียนเป็นศูนย์กลาง โดยเริ่มแรกภาคเอกชนและโรงเรียนจะต้องทำแผนพัฒนาร่วมกัน ทั้งด้านวิชาการ กิจกรรมที่จะพัฒนานักเรียนในด้านต่าง ๆ และกิจกรรมร่วมกับชุมชนที่เข้ามาร่วมพัฒนาโรงเรียน ซึ่งระยะที่ 1 มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 50 โรงเรียน ส่วนระยะที่ 2 เพิ่มเป็น 143 โรงเรียนแล้ว
ซึ่งในจำนวนนี้ มีสถานศึกษาในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเข้าร่วมโครงการ จำนวน 6 แห่ง และมีโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยเข้าร่วม จำนวน 1 แห่ง ขณะนี้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯมีความเข้าใจและสามารถพัฒนาไปได้มาก และเชื่อว่าโครงการฯนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้มอบนโยบายนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินโครงการฯ ประกอบกับภาคเอกชนที่ร่วม MOU สนับสนุนโครงการนี้เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งก็จะทำให้โรงเรียนและชุมชนมีความเข้มแข็งขึ้น
“โครงการฯตั้งเป้าจะให้มีโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School Project) ให้ครบทุกจังหวัด ๆละ 1 แห่งเป็นอย่างน้อย แต่ขณะนี้ยังขาดอีก 10 จังหวัด ประกอบกับ ขณะนี้ ดร.สุเทพ ชิตยวงศ์ เลขาธิการ กพฐ. มีนโยบายให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)ทั่วประเทศ ร่วมกับภาคเอกชนให้เข้ามาสนับสนุนการศึกษา นำร่องเขตพื้นที่ละ 5 โรงเรียน ขณะนี้กำลังดำเนินการ คาดว่าภายใน 2 เดือนนี้จะทราบตัวเลขโรงเรียน และจำนวนบริษัทเอกชนที่มาร่วมสนับสนุน” นายสนิท กล่าว
ด้าน ด.ช.เหม่ง รีโย นักเรียนชั้น ป.5 สัญชาติกัมพูชา และ ด.ช.เอกสิทธิ คงมณี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนวัดกระเฉท ร่วมกันกล่าว ว่า ทางโรงเรียนสอนให้นักเรียนปลูกผักทำการเกษตร โดยมี 10 ฐานเรียนรู้ให้เลือกเรียน เช่น การปลูกกุช่าย เพาะเห็ดนางฟ้า ปลูกฝรั่งในเข่ง ปลูกผักในเข่ง ปลูกผักบุ่งน้ำนิ่ง ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แคนตาลุป มะเขือพวง มะนาว ฯลฯ ซึ่งตนและเพื่อนๆชอบมากๆได้ความรู้ ได้อาชีพ และได้เงินจากการนำผลผลิตที่ได้ไปขายที่ตลาดนัดและห้างโลตัสที่รับซื้อเพราะปลอดสารพิษ ได้เงินมาครูก็จะแบ่งให้ 50 % ส่วนหนึ่งก็จะฝากไว้กับครูประจำชั้นเพื่อเป็นเงินเก็บ อีกส่วนหนึ่งก็นำไปลงทุนซื้อเมล็ดพันธ์ุและปุ๋ยคอกมาบำรุงดินให้พืชที่ปลูก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี