ประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คือ ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำประเด็น “เกษตรไทยก้าวสู่เกษตรสร้างมูลค่า” โดยนำเรื่องของเกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรแปรรูป เกษตรอัจฉริยะ และเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นเข้ามาจับ ซึ่งประเด็นเกษตรไทยก้าวสู่เกษตรสร้างมูลค่า เป็นการมองไปจุดที่ประเทศไทยเป็นผู้เล่นสำคัญด้านการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรในเวทีโลก ด้วยฐานของการเป็นเกษตรเขตร้อนและความได้เปรียบด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดโครงสร้างธุรกิจเกษตรด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม เน้นเกษตรคุณภาพสูง และขับเคลื่อนการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภาพการผลิตทั้งเชิงปริมาณและมูลค่า เพื่อรักษาฐานรายได้เดิมและสร้างฐานอนาคตใหม่ที่รายได้สูง ทิศทางเหมือนจะเดินไปได้สวยทีเดียว
สำหรับเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น เป็นการส่งเสริมการนำอัตลักษณ์พื้นถิ่นและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตรที่มีมูลค่าสูง ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI หรือ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications) ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2546 ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ.2546 โดยมีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพิ่งจัดงานใหญ่กันไปปัจจุบันมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI แล้วรวม 103 รายการ จาก 67 จังหวัด และมีผู้ประกอบการที่ขอใช้ตรา GI ไทยแล้วกว่า 2,500 ราย มูลค่าการตลาดสูงกว่า 4,000 ล้านบาท ส่งผลให้กับชุมชนท้องถิ่นสามารถมีรายได้ต่อเนื่อง และเป็นการส่งเสริมอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นให้เด่นชัดมากขึ้น ชุมชนได้อาศัยลักษณะที่มีเฉพาะในแหล่งภูมิศาสตร์ตามธรรมชาติ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ หรือวัตถุดิบเฉพาะในพื้นที่ มาใช้ประโยชน์ในการผลิตสินค้าในท้องถิ่นของตนขึ้นมา ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะพิเศษที่มาจากพื้นที่ดังกล่าว โดยคุณลักษณะพิเศษนี้อาจหมายถึง คุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะอื่นๆ ที่มาจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้นๆ ก็ได้
ประเด็นที่น่าเป็นกังวลสำหรับสินค้า GI คือ การปกป้องสิทธิของเจ้าของตรา ทำอย่างไรถึงจะไม่ถูกแอบอ้างไปแสวงหาผลประโยชน์ เพราะกว่าจะผ่านขั้นตอนของการขึ้นทะเบียน GI ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแสวงหาข้อมูล หลักฐาน และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในชุมชน เมื่อได้มาแล้ว พวกกับมาชุบมือเปิกไปเสีย ส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในสินค้า GI คุณภาพของสินค้าไม่เป็นไปตามที่ผู้บริโภคคาดหวังหรือเคยได้รับมาแต่ก่อนนั้น หากเป็นเช่นนี้ย่อมส่งผลร้ายแรงต่อตราสัญลักษณ์ GI ทั้งระบบ เมื่อผู้บริโภคไม่เชื่อมั่นในตราสินค้าแล้ว สิ่งที่คาดหวังว่าตรา GI เกษตรอัตลักษณ์จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร อาจจะส่งผลตีกลับในทางตรงข้าม คงถึงเวลาที่จะมาทบทวนกันว่าจะปกป้องตรา GI ของตนเองอย่างไร ในฐานะเจ้าของตรา GI พลังชุมชนพลังท้องถิ่นเพียงพอหรือไม่กับการปกป้องและคุ้มครองผลประโยชน์ที่ได้จาก GI หากบทลงโทษของการละเมิดสินค้า GI รุนแรงพอ พวกที่จ้องแสวงหาผลประโยชน์คงต้องคิดหนัก หรือผู้บริโภคจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเองว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนปลอม เกษตรอัตลักษณ์จึงจะเป็นเกษตรสร้างคุณค่าได้จริง
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี