เอือมระอากับนักการเมืองที่รุมทึ้งเก้าอี้รัฐมนตรี แบบไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม โชคดีที่กระทรวงที่มีข่าวแย่งเก้าอี้กันจนชาวบ้านส่ายหน้านี้ ไม่ใช่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนจะเป็นกระทรวงอะไรคงหาข้อมูลได้ไม่ยาก ข้าราชการที่อยู่กระทรวงดังกล่าวคงเตรียมตัวรับการมาของเจ้ากระทรวงกันอย่างหวาดหวั่น..
ข่าวบนหน้าสื่อในช่วงนี้ ไม่ว่าหน้า 1 หรือหน้าใน ไม่ใคร่จะมีข่าวดีสักเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นข่าวจับขบวนการขนยาเสพติดที่เกี่ยวพันกับพรรคการเมือง ข่าวการทำร้ายร่างกายของนักเคลื่อนไหวด้านการเมือง รวมทั้งข่าวแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่ามานั้น ล้วนเป็นการสร้างกระแสกลบข่าวอื่นๆ ได้อย่างเนียนๆ มีข่าวการดูแลอนุรักษ์พะยูน หรือข่าวการจับลูกปลาทูมาขาย โผล่มาบ้างแล้วก็หายไป ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องของส่วนรวม แต่คนกลับสนใจน้อย..
เช่นเดียวกับข่าวการระบาดของศัตรูพืช 2 ตัวที่สำคัญ ซึ่งมาพร้อมในเวลาเดียวกัน ตัวแรกคือ หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด หรือมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Fall Armyworm เป็นแมลงศัตรูที่เพิ่งเข้ามาสู่ประเทศไทย เป็นแมลงศัตรูพืชที่ร้ายแรง หากควบคุมการระบาดไม่อยู่ เกิดระบาดรุนแรง หนอนจะเคลื่อนไหวดาหน้าเป็นกองทัพบุกทำลายพืชเลยทีเดียว ชีวประวัติของหนอนชนิดนี้ทำลายผลิตผลเกษตรไปครึ่งโลกแล้ว
มาสู่ประเทศไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว มาได้อย่างไรไม่ยืนยัน รู้แต่ว่าผ่านมาทางอินเดีย และพม่าและแมลงชนิดนี้สามารถบินได้ไกลเฉลี่ยคืนละ 100 กิโลเมตร ที่เฉลี่ยเป็นคืน เพราะแมลงชนิดนี้เป็นผีเสื้อกลางคืนแต่ตัวที่ทำลายพืชผลเป็นระยะตัวหนอน ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมีวงจรชีวิตจากไข่ถึงตัวเต็มวัยเพียง 1 เดือนเท่านั้น ที่สำคัญคือพืชอาหารของหนอนชนิดนี้มีมากกว่า 80 ชนิด ซึ่งรวมถึง ข้าวโพด อ้อย ข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของบ้านเราด้วย
ระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 6 เดือน การป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด ยังฉุดไม่อยู่ ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ ตัวเลขการระบาดมากกว่า 4 แสนไร่ ใน 41 จังหวัด ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวโพดที่สำคัญ นักวิชาการบอกว่าฤดูฝนนี้มีแนวโน้มจะระบาดมากขึ้นถ้าเกษตรกรยังปฏิบัติไม่ถูกต้อง
วิธีการป้องกันกำจัดหนอนชนิดนี้ตามที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำ คือ หากพบหนอนขนาดเล็กให้เก็บหนอนทำลายทิ้ง และใช้ชีวภัณฑ์ ได้แก่ เชื้อ BT สายพันธุ์ไอซาไว หรือ สายพันธุ์เคอร์สตากี้ ชนิดผง อัตรา 40-80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 4-7 วัน เมื่อพบการระบาด หากพบไข่ให้ทำลายโดยเก็บกลุ่มไข่ทำลายทิ้งและใช้แมลงหางหนีบ ส่วนตัวเต็มวัยให้ทำลายโดยใช้กับดักกาวเหนียวสีเหลืองจำนวน 80 กับดัก/ไร่ สำหรับหนอนขนาดใหญ่ให้ทำลายโดยใช้แมลงตัวห้ำ ได้แก่ แมลงหางหนีบหรือมวนพิฆาต และในกรณีที่ใช้เคมีให้ใช้สารเคมีตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร
แค่สายพันธุ์เชื้อ BT ที่เฉพาะเจาะจงขนาดนั้น เกษตรกรจะหาได้หรือไม่ แมลงหางหนีบ ตัวห้ำ มวนพิฆาต ซึ่งเป็นศัตรูธรรมชาติ จะมีมากมายเท่ากับจำนวนหนอนหรือไม่ก็ไม่ทราบ ต้องเสียเวลาเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์นานเสียกว่าวงจรชีวิตของกหนอนอีกเสียละกระมังท้ายสุดก็ต้องพึ่งพาสารเคมี...
ศัตรูพืชอีกตัวหนึ่ง คือ โรคใบด่างมันสำปะหลัง เมื่อปี 2558 มีรายงานการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในจังหวัดรัตนคีรี ประเทศกัมพูชา ได้มีการนำไปวิเคราะห์พบว่าเกิดโรคเชื้อไวรัสชนิด ศรีลังกา คาสซาวา โมเซอิค ไวรัส (SLCMV) ในปี 2560 มีการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังชนิดนี้ทางภาคใต้ของประเทศเวียดนาม และในปี 2561/62 การระบาดเพิ่มมากขึ้นจนถึงโฮจิมินห์
ในเดือนสิงหาคม 2561 มีการตรวจพบต้นมันสำปะหลังของเกษตรกร ที่ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ และที่อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ มีลักษณะอาการคล้ายโรคใบด่างมันสำปะหลังกรมวิชาการเกษตรจึงเข้าไปขอให้เกษตรกรทำลายทิ้งเพราะถ้าโรคนี้แพร่กระจายออกไปจะทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังได้รับความเสียหายอย่างมาก
จากนั้นได้มีการเฝ้าระวังการแพร่กระจายของโรคมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เอาไม่อยู่อีกเช่นกัน เพราะล่าสุด พบโรคใบด่างมันสำปะหลังที่จังหวัดอื่นๆ อีกหลายจังหวัด ในภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ สาเหตุเพราะเกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งที่มีโรคมาปลูก นอกจากนี้สภาพอากาศฝน
ทิ้งช่วงยังเอื้ออำนวยให้มีการระบาดของแมลงหวี่ขาวซึ่งเป็นพาหะของโรคใบด่างมันสำปะหลังนี้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการป้องกันโรค
ใบด่างที่ดีที่สุด คือใช้ท่อนพันธุ์จากแหล่งที่ไม่เป็นโรคมาปลูก รวมทั้งใช้ศัตรูธรรมชาติและชีวภัณฑ์กำจัดแมลงหวี่ขาวซึ่งเป็นตัวพาหะของโรค
ไม่เพียงศัตรูพืช 2 ตัวนี้ ที่สร้างปัญหาให้กับเกษตรกร และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการช่วยเหลือเกษตรกร ยังมีเรื่องของสารเคมี เรื่องของอาหารปลอดภัย เรื่องของ IUU เรื่องของโครงการถนนพาราซอยซีเมนต์ที่แว่วๆ ว่าไม่ชอบมาพากล เรื่องของทรัพยากรสัตว์น้ำ เรื่องของราคาผลผลิตตกต่ำสินค้าเกษตรที่ไม่ได้คุณภาพ และปัญหาอื่นๆ
อีกไม่น้อย ที่รอการแก้ไข ใครที่จะมาดูแลกระทรวงเกษตรฯ คงต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และต้องทำใจมาด้วยว่า เกษตรนี้มิใช่กล้วยๆ และมิใช่ หมูๆ.....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี