เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 85 ของการสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในปี 2562 จึงมีการมอบรางวัล “กีรตยาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” รางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับอาจารย์ผู้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทั้งด้านการสอนและการวิจัย โดยปีนี้มีการมอบรางวัลให้กับอาจารย์ 2 ท่านคือ ศ.ดร.อารยะ ปรีชาเมตตา จากคณะเศรษฐศาสตร์ และ ศ.ดร.นพ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ คณะแพทยศาสตร์ ซึ่งทั้ง 2 ยังได้กล่าวปาฐกถาในงานด้วย
โดย ศ.ดร.อารยะ ปรีชาเมตตา กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ดุลยภาพที่เหลื่อมล้ำ” ระบุว่า ประเทศไทยมีอุปสรรคในการแก้ปัญหาทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน อาทิ การปฏิวัติเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยผู้ควบคุมเทคโนโลยีมีอำนาจทางการตลาดสูงมาก ต้นทุนก็จะถูกลง จึงไม่แปลกที่สหรัฐอเมริกาจะประกาศสงครามการค้ากับหัวเว่ย เพราะผู้ได้ประโยชน์จากการค้าเสรีก็คือจีน
สงครามที่ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ควบคู่กับปัญหาราคาสินค้าเกษตรโลกตกต่ำ และการย้ายฐานการลงทุนไปยังคู่แข่งสำคัญคือเวียดนาม นอกจากนั้น ประเทศไทยยังมีปัญหา ความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างเดิมในหลากหลายมิติ อาทิ เรื่องค่าจ้างแรงงาน ความยุติธรรม คมนาคม สาธารณสุข เพศสภาพ ถึงเวลาสังคมต้องจัดลำดับความสำคัญและหาทางออกเพื่อไม่ให้มีคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทั้งนี้ นโยบายรัฐบาลที่ประกาศจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแม้เป็นเรื่องดีแต่ก็ยากที่จะบรรลุผล ความเป็นไปได้คือทิ้งไว้ให้เหลือน้อยที่สุด ทำให้ความเหลื่อมล้ำในระบบลดลง
ศ.ดร.อารยะ ยังกล่าวถึงการปฏิรูปภาษี ซึ่งรัฐบาลควรทำให้ผู้มีฐานะได้เปรียบทางสังคมหรือได้ประโยชน์จากทรัพยากรรัฐ เห็นความจำเป็นของการนำกำไรมากระจายความก้าวหน้าอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม โดยรัฐเก็บภาษีได้แล้วนำมาอุดหนุนช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแรง ไม่ใช่มุ่งจะทำให้ฝ่ายหนึ่งต้องสูญเสีย (Zero-sum Game) เสมอไป และกรณีประเทศไทย ทุนใหญ่ได้เปรียบแค่ไหนสุดท้ายก็สู้ทุนต่างชาติที่คุมเทคโนโลยีไม่ได้ ดังนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งทุกคนจะเห็นร่วมกันว่า เราควรเสียภาษีมากขึ้นเหมือนช่วยกันดึงเส้นเชือกเพื่อให้ระบบนี้อยู่ได้
ขณะที่ ศ.ดร.นพ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “การผสมผสานงานสอนเข้ากับงานวิจัยเพื่อใช้เปลี่ยนแปลงโลก” ระบุว่า งานวิจัยต้องพัฒนาให้เกิด ผลกระทบในเชิงบวกและขยายวงกว้าง เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษา ที่สำคัญคือต้องทำร่วมกับคนรุ่นใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องอายุอย่างเดียวอาจเป็นคนรุ่นเดียวกันแต่มีความคิดทันสมัย จะทำให้งานวิจัยเกิดความยั่งยืน
ทั้งนี้โดยส่วนตัวแล้ว งานวิจัยเป็นยิ่งกว่าชีวิต ผู้ร่วมงานเปรียบเสมือนครอบครัว ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาเกี่ยวกับ ปัญหาเชื้อแบคทีเรีย ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และทำให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารด้วย แต่ก็มีวิธีป้องกันดูแลและรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมวิจัยค้นพบคำตอบนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์ทั่วโลก
ศ.ดร.นพ.ประกิตพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ประสบการณ์และความสำเร็จที่ได้ สะท้อนให้เห็นความสำคัญของการสร้างเครือข่ายการวิจัยจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่และส่งต่อความรู้กันทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบัน รพ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฯ มีคนไข้ปีละกว่า 1 ล้านคน และมีแพทย์ผ่าตัดที่เป็นคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาการทำงานร่วมกันเป็นทีม การเก็บข้อมูลคนไข้ การวิจัยติดตามผล การทดลองใหม่ๆ การแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างแดน และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี