เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 นายชนธัณ อัศวฐานนท์ ประธานกลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่น และศิษย์เก่าโรงเรียนวัดสุทธิวรารามและคณะ ได้มายื่นหนังสือร้องเรียนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อขอให้ตรวจสอบขบวนการบริหารงานของ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ว่ามีพฤติการบริหารส่อมิชอบในเรื่องเงินคูปอง เงินอุดหนุนอุปกรณ์การเรียน พร้อมนำภาพถ่ายอุปกรณ์การเรียน กระเป๋าเรียน หนังสือแบบเรียน ภาพถ่ายปรับปรุงห้องเรียนพิเศษ 727 และภาพเครื่องพ่นน้ำลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ใบเสนอราคาโต๊ะ เก้าอี้นักเรียน
โดย นายชนธัณ กล่าวว่า ตามที่นายอารีย์ วีระเจริญ เข้ามาดำรงค์ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2561 นั้น ได้ตั้งข้อสังเหตุจากผู้ปกครองและนักเรียนของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ถึงขบวนการบริหารงานโครงการ หรือกิจกรรมภายในโรงเรียน ซึ่งอาจมีพฤติการส่อมิชอบมาโดยตลอดดังนี้
เรื่องการแจกคูปองเงินอุดอุปกรณ์การเรียน ในนโยบายเรียนฟรี 15 ปีให้แก่ผู้ปกครองนักเรียนในวันมอบตัว ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มูลค่า 210 บาท ชั้นมัธยมปลาย 230 บาท แต่คูปองดังกล่าวขัดกับระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ หมวดอุปกรณ์การเรียน และให้นำคูปองไปซื้ออุปกรณ์การเรียนที่จัดชุดไว้แล้วในร้านค้าในโรงเรียน โดยที่นักเรียนหรือผู้ปกครองไม่มีสิทธิ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการ หรือการใช้งานของตน อีกทั้งคุณภาพของสินค้าไม่เหมาะสมกับมูลค่าของสินค้าที่จำหน่าย
ส่วนกระเป๋านักเรียนที่จำหน่ายในร้านค้าในโรงเรียน มีการปรับขึ้นราคาจากเดิม 300 บาท เพิ่มเป็น 350 บาท ในขณะที่คุณภาพของกระเป๋นนักเรียนต่ำลง ชำรุดเสียหายภายในระยะเวลา 1 เดือนหลังจากการใช้งาน และภายหลังเกิดปัญหาคูปอง เงินอุดหนุน อุปกรณ์การเรียน และกระเป๋านักเรียนขึ้น ทางโรงเรียนได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ปกครองถึงมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการคืนเงินทั้งหมดให้กับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ จึงเกิดเป็นข้อสงสัยว่าเงินงบประมาณที่นำมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาจากงบฯส่วนใด และการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งส่อไปในทางใช้เงินงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่ากับประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนวัดสุทธิฯ
เช่น กรณีการติดตั้งระบบไม้กั้นรถทางเข้าของโรงเรียน ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม อาจก่อใหเกิดอันตรายแก่นักเรียนที่เดินผ่านเข้ามา รวมถึงอาจก่อให้เกิดปัญหาการจราจรบนถนนสาธารณะ ซึ่งเชื่อมต่อบริเวณทางเข้าโรงเรียน จึงทำให้ไม่มีการใช้ระบบไม้กั้นรถนี้ในปัจจุบัน ส่วนการติดตั้งเครื่องพ่นน้ำเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีราคาสูง และติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม และยังมีกรณีปรับปรุงห้องเรียนพิเศษ 727 ซึ่งนักเรียนไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงห้องดังกล่าว จากเดิมที่ใช้เป็นห้องเรียน แต่ปัจจุบันนักเรียนยังไม่เคยใช้ห้องเรียนนี้เลยนับตั้งแต่ปรับปรุงเสร็จสิ้น กรณีจัดทัศนศึกษาซึ่งมีการรับลดจำนวนวิทยากรและผู้ช่วยวิทยากร ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้นอกสถานที่ของนักเรียน
นอกจากนี้ ยังมีการแอบอ้างบริษัทคู่เทียบ เพื่อทำการจัดซื้อจัดจ้าง ซื้อโต๊ะ เก้าอี้นักเรียน โดยวิธีเฉพาะเจาะจง เนื่องจากมีหลักฐานจากทางบริษัทว่าไม่เคยมายื่นเสนอราคาดังกล่าวกับทางโรงเรียนวัดสุทธิวราราม อีกทั้งลายเซ็นเอกสาร2ฉบับก็ไม่ตรงกัน ถือเป็นพฤติการส่อมิชอบต่อการปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างทางราชการ
นายชนธัณ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2562 ทางกลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้ส่งจดหมายเปิดผนึก เพื่อเรียกร้องให้ผอ.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ออกมาชี้แจงและตอบคำถามต่อหน้าสาธารณและสื่อมวลชนต่อกรณีดังกล่าว แต่ผอ.โรงเรียนได้เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้อง และมีการเรียกนักเรียนบางคนเข้าพบเป็นการส่วนตัว เพื่อโน้มน้าวและกดดันให้ยุติการเคลื่อนไหว ทางกลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่น จึงเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมแนบเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณา และรายชื่อผู้สนับสนุน ให้มีการตรวจสอบพฤติการส่อทุจริจของผอ.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เพื่อให้เกิดการตรวจสอบกรณีดังกล่าวให้เกิดข้อเท็จจริง เป็นที่ประจักรแก่ผู้เกี่ยวข้องต่อไป
นายชนธัณ กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากที่ทางกลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่นฯทและทางนักเรียนได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อสื่อมวลชน ได้มีเจ้าหน้าที่จาก สพฐ.เข้าไปตรวจสอบบ้างแล้ว แต่ทางกลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่น และนักเรียน ยังมีความเคลือบแคลงใจในขบวนการตรวจสของ สพฐ.เอง ซึ่งเราก็ยังไม่ทราบว่าผลการตรวจสอบว่าเป็นอย่างไร แต่ระหว่างที่เกิดขบวนการตรวจสอบได้มีการเรียกพบนักเรียน เรียกพบคุณครู และเรียกพบสิทธิเก่าเข้าไปกดดันโน้มน้าวให้ยุติการเคลื่อนไหว ตลอดจนสมาคมครูและผู้ปกครอง สมาคมศิษย์เก่า ทางเราจึงเกิดข้อกังขาในขบวนการตรวจสอบของ สพฐ. จึงเป็นที่มาของการมายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านเลขาธิการ สพฐ.ในวันนี้ ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงและมีอำนาจในการควบคุมพฤติการในประเด็นที่เรียกร้องมา
ด้านนายสหรัฐ ก้องเกียรติศักดิ์ ประธานสภานักเรียนโรงเรียนวัดสทธิฯทกล่าว เพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาตนถูกผอ.เรียกเข้าไปพบส่วนตัวเพื่อให้ยุติการเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าว และสำหรับผลกระทบที่นักเรียนจากการบริหารงานของผอ.โรงเรียนปัจจุบัน คือกรณีที่ให้นักเรียนนำคูปองไปแลกอุปกรณ์การเรียนที่ไม่มีคุณภาพ ทั้งปากกา และกระเป๋าเรียนชำรุดง่าย รวมถึง ร้านค้าสหกรณ์ ตั้งแต่ ผอ.คนปัจจุบันเข้ามาบริหารก็มีการเปลี่ยนร้านค้าสหกรณ์และมีการขึ้นราคาสินค้าแพงกว่าราคาปกติตามท้องตลาด และการซื้อสินค้าก็ไม่สามารถเลือกได้ จะต้องซื้อทั้งแพคตามที่ร้านค้าในโรงเรียนกำหนดให้ รวมถึงสิ่นค้าที่หมดอายุ เช่น ขนมปังขึ้นราหมดอายุ ทางสหกรณ์ก็ยังจำหน่ายให้เด็ก
ทั้งนี้ ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นผู้รับข้อร้องเรียนแทน พร้อมกล่าวว่า เท่องจาก ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ติดประชุม ตนจึงมารับเรื่องแทน ซึ่งตามที่กลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่น ศิษย์เก่าและนักเรียนโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ได้นำเสนอข้อร้องเรียนมาทางกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ.รับทราบปัญหาทั้งหมดและจะรีบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด และสพฐ.ได้รับทราบเรื่องนี้มาพอสมควร และได้รับรายงานเหตุการณ์เบื้องต้นจาก ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 (สพม.2) ทราบแล้วว่า ได้ให้หน่วยตรวจสอบของ สพม.2 ไปตรวจสอบและตั้งกรรมการสืบข้อเจ็จจริงแล้ว โดยทางสพฐ.ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบในเรื่องนี้เอง สำหรับข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นที่ สพม.2 รายงานมา ก็สอดคล้องกับที่น้องๆนักเรียนมาร้องเรียนในวันนี้
และขอเรียนว่าโดยนโยบายรัฐบาลหรือกระทรวงศึกษาฯ ให้บริหารจัดการในเรื่องเหล่านี้ให้โปร่งใสอยู่แล้ว ดังนั้นหากเรื่องที่ร้องเรียนเป็นความจริง ทางศธ.และสพฐ.ก็จะไม่นิ่งนอนใจ และเพื่อความสบายใจของทุกท่าน ทางส่วนกลาง คือ สพฐ. จะตั้งกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกกรณีที่กลุ่มสุทธิต่อต้านคอร์รัปชั่น ศิษย์เก่า และสภานักเรียน โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ร้องเรียนมา เพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จริงขัดเจนขึ้น และจะรีบดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
“เบื้องต้นผมได้โทรประสารกับ ผอ.สพม.2 แล้วว่า ให้สั่งย้ายผอ.โรงเรียนวัดสุทธิฯออกจากพื้นที่มาช่วยงานที่ สพม.2 ก่อน เพื่อให้การสืบสวนตรวจสอบสะดวกขึ้น และหากผลการตรวจสอบพบว่าไม่ผิดก็กลับไปที่เดิม แต่หากผลการตรวจสอบพบว่ากระทำผิดก็จะถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และถ้าพบว่าผิดจริงก็จะถูกดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป ส่วนระยะเวลาในการตรวจสอบ สพฐ.ยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แต่อาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และจะดำเนินการอย่างเปิดเผยและโปร่งใส ไม่มีการปิดบังข้อมูล หรือช่วยเหลือกัน คนทำผิดก็จะต้องได้รับผล ปัจจุบัน ศธ.และสพฐเน้นย้ำมากเรื่องความโปร่งใสและการทำงานที่ต้องไม่มีการทุจริต และเป็นนโยบายสำคัญและย้ำไปทุกโรงเรียนแล้ว”
ขณะที่ ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ.ได้มอบอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษาบริหารจัดการโรงเรียนในเขตพื้นที่ตนเองให้เกิดความเรียบร้อย ให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนอย่างมีความสุขและคุณภาพทางการศึกษาดีขึ้น แต่ช่วงนี้มีเรื่องเข้ามาที่ สพฐ.เยอะ จึงอยากให้เขตพื้นที่การศึกษามีความระมัดระวังในการดูแลทุกเรื่องในทุกโรงเรียน ที่เขตพื้นที่ดูแลรับผิดชอบ ให้มีความเรียบร้อย หากเขตพื้นที่ฯ ใดมีปัญหามากเกินไป และปล่อยให้เรื่องมาถึง สพฐ.บ่อย สพฐ.ก็จะต้องพิจารณาผอ.เขตพื้นที่ก่อน และจะต้องจัดการเด็ดขาด
“ส่วนกรณีของโรงเรียนวัดสุทธิฯ ผมได้รับรายงานจาก ผอ. สพม.2 แล้วเมื่อวาน(8ก.ค.)ว่าได้ย้ายผอ.โรงเรียนวัดสุทธิฯ มาช่วยราชการที่เขตพื้นที่แล้ว แต่โดยหลัก ผมไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นบันทัดฐาน กรณีโรงเรียนวัดสุทธิฯเรื่องเกิดขึ้นมีมานานหลายปีแล้ว ในขณะนั้น ผมเป็นรองเลขาธิการ กพฐ.ก็ได้เป็นประธานในการสอบฯกรณีร้องเรียน เพราะฉะนั้นเราจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในอดีตบางโรงเรียนที่เกิดเรื่องก็ย้ายทั้งโรงเรียน บางทีการย้ายผอ.เพียงคนเดียวก็ไม่ถูกต้อง จึงอยากให้ผอ.เขตพื้นที่ฯ ศึกษา ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว หากเกิดปัญหากันไปไม่จบสิ้น แสดงว่าคู่กรณีจะต้องไปด้วย ต้องเด็ดขาด เท่าที่ทราบมีผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม 3 คนแล้ว ที่บริหารโรงเรียนนี้ไม่ได้ ถูกเรื่องร้องเรียนมาตลอด ดังนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรม ถ้าครูมีปัญหาก็ต้องถูกลงโทษด้วย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครทุจริตก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี