แฉมีขบวนการ‘ล่าพะยูน’ตัดเขี้ยวทำยาเสน่ห์ ‘ทช.’เปิด4จุดเสี่ยง ขู่ตายอีกเชือดจนท.แน่
16 กรกฎาคม 2562 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อหาสาเหตุการตายอย่างต่อเนื่องของพะยูน เฉพาะในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ถึง 3 ตัว ไม่รวมพื้นที่จังหวัดตรัง โดยมีนายสมควร ขันเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ , นายสมโภช โชติชูช่วง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ , นายมานิตย์ ดำกล นายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ , นายอาหลี ชาญน้ำ นายกสมาคมคนรักเลจังหวัดกระบี่ , นายแสน ศรีงาม ประมงจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุมร่วมกัน
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม นายสมโภช เปิดเผยข้อมูลต่อที่ประชุมว่า จากการสืบหาข้อมูลในทางลับ พบว่ามีกลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องการครอบครองอวัยวะของพะยูนจริง โดยเฉพาะในกลุ่มชาวต่างชาติ ที่เชื่อว่าเขี้ยวพะยูน น้ำตาดูหยง หรือพะยูน รวมถึงไขมัน ที่นำไปทำเป็นยาเสน่ห์ และมีการซื้อขายกันในราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอยากให้ทุกหน่วยงานยอมรับความเป็นจริง และสกัดกั้นขบวนการเหล่านี้ ส่วนกลุ่มคนที่ลักลอบล่าจะเป็นใคร คงไม่สามารถระบุได้
ต่อมานายจตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าพะยูนที่ตายในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เกิดจากสาเหตุอะไร หรือว่ามีใครทำให้ตาย เพราะเรายังต้องหาหลักฐานต่างๆอีกมาก ทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ อะไรหลายๆอย่าง แต่ประการสำคัญที่มาในวันนี้ เพื่อหามาตรการป้องกัน พะยูนตัวต่อไปจะไม่มีการตายเกิดขึ้นในพื้นที่กระบี่ หรือจังหวัดใกล้เคียง หากว่ามีการตายเกิดขึ้นอีกทางจังหวัด ทางเจ้าหน้าที่ ทช.ในพื้นที่ จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน
“จุดเสี่ยงที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มี 4 จุด คือ แหลมหางนาค ในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ บริเวณหมู่เกาะศรีบอยา พื้นที่อำเภอเหนือคลอง บริเวณพื้นที่อ่าวบ่อม่วง รอยต่อจังหวัดตรัง อำเภอคลองท่อม และจุดสุดท้ายบริเวณหมู่เกาะลันตา อำเภอเกาะลันตา ซึ่งตามแผนระยะสั้น วันที่เราทำงานกันเลย จะไม่มีฮีโร่ เราทำงานกันเป็นทีม ทุกภาคส่วน ทั้งจังหวัด ท้องถิ่น และภาคเอกชน ซึ่งในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ผมยอมรับว่าเรามีภาคเอกชนที่เข้มแข็ง ทั้งสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่และสมาคมคนรักเลจังหวัดกระบี่” นายจตุพร กล่าว
ด้านนายสมโภช กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา ถึงสาเหตุการตายของพะยูน และที่สำคัญพูดกันไปถึงน้ำทะเลในพื้นที่จังหวัดกระบี่เป็นพิษบ้าง มันยุ่งกันไปใหญ่ เรื่องนี้ตนยืนยันว่า ทะเล และชายหาดของจังหวัดกระบี่ยังสวยงาม ไม่มีมลภาวะอะไรใดๆทั้งสิ้น
“สาเหตุการตายของพะยูน อย่าไปตัดประเด็นใดทิ้ง อย่างการล่าพะยูนตามใบสั่ง เพราะว่าขณะนี้เรื่องความเชื่อต่างๆมันยังมีอยู่ เขี้ยวที่บางคนเรียกว่างาของพะยูน มีราคาสูง ถ้าไปดูประเทศเพื่อนบ้านของเรา อย่างมาเลเซีย ตามภาษาของเขาเรียก ปลาดูหยง ยังมีน้ำมันพะยูนขายกันเลย อย่าว่าแต่เขี้ยวของมัน และก่อนที่เราจะหามาตรการป้องกัน เราควรที่จะหาสาเหตุการตายให้ได้เสียก่อน เพื่อที่จะได้หามาตรการป้องกันได้รัดกุมขึ้น และที่เป็นที่น่าสังเกตจะเห็นว่า เขี้ยวของพะยูนที่ตาย 2 ตัว มีมือดีตัดเขี้ยวของมันไป ด้วย จะถูกล่าหรือไม่ ก็ขอให้ทุกคนใช้ดุลพินิจกันดูก็แล้วกัน” นายสมโภช กล่าว
ส่วนนายมานิตย์ กล่าวว่า ตนค่อยข้างเห็นด้วยกับนายสมโภช ว่าจะต้องหาสาเหตุการตายของพะยูนออกมาให้ได้ ไม่ใช้ว่าคาดการณ์ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เมื่อไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงก็ยากลำบากในการป้องกันดูแล เพื่อไม่ให้พะยูนตัวต่อไปมาตายอีก ตอนนี้ได้แต่พิสูจน์กันว่าเขี้ยวของพะยูนที่ถูกตัดไป ได้มีมือดีตัดไปหลังจากพะยูนตายแล้ว แล้วใครทำให้ตาย และใครเป็นคนตัดไป ไม่มีข้อมูล และจากการฟังรายงานของเจ้าหน้าที่ในห้องประชุม ตนเองก็สับสน ข้อมูลระบุว่าพะยูน 2 ตัว มีร่องรอยถูกเชือกรัดที่โคนหาง ก่อนตาย ถ้าไม่ล่า พะยูนไปโดนเชือกรัดมาจากไหน แล้วเขี้ยวของมันมนุษย์เป็นคนตัดไป ฟังแล้วยิ่งสับสน
ด้านนายอาหลี กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบข่าว พะยูนตายเมื่อ 2 วันที่แล้ว ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลเกาะศรีบอยา ได้ช่วยกันออกสำรวจพะยูนที่บริเวณหมู่เกาะศรีบอยา ที่ชาวบ้านเคยปลูกหญ้าทะเลกันเมื่อเร็วๆนี้ ยังสบายใจ เนื่องจากว่าชาวบ้านได้พบฝูงพะยูนที่อาศัยอยู่ในพื้นดังกล่าวเป็นประจำ จำนวน 5 ตัว ยังมีสภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ทุกตัว จริงๆแล้ว ตนพร้อมด้วยชาวบ้านตำบลเกาะศรีบอยา ได้อนุรักษ์พะยูนมานาน เราทำกันแบบปิดทองหลังพระ ชาวบ้านได้มีการปลูกหญ้าทะเลมาจำนวนหลายสิบไร่ และได้มีการวางแนวเขตที่มีหญ้าทะเลที่สมบูรณ์กันมา เพราะชาวบ้านทราบว่าพะยูนจะมาอาศัย และหากินตามบริเวณที่มีหญ้าทะเลที่สมบูรณ์
“ตนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมแม่ของมาเรียม และยามีล มันหายไปไหน ตามธรรมชาติของพะยูน แม่กับลูกจะอยู่ติดๆกัน ลูกจะเกาะติดตามแม่ไม่ห่าง แต่นี่มันได้พลัดหลงกัน หากันไม่เจอ เพราะสาเหตุอะไร มีอะไรทำให้มันตกใจ แล้วแม่กับลูกหนีกันไปคนละทิศละทาง ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จนถึงตอนนี้” นายอาหลี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี