ในที่สุดคณะรัฐมนตรีที่ประชาชนรอคอยก็ปรากฏโฉม ส่วนใหญ่เป็นไปตามโผที่สื่อมวลชนนำเสนอมาโดยตลอด จะมีผิดหวังและกังวลอยู่บ้างก็กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นี่แหละ
กังวลเพราะรัฐมนตรีว่าการ และช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวม 4 ท่าน มาจาก 4 พรรคการเมือง รัฐมนตรีว่าการฯ เฉลิมชัย ศรีอ่อน มาจากพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสมัยรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2553 รัฐมนตรีช่วยว่าการฯประภัตร โพธสุธน จากพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี 2543
รัฐมนตรีช่วยว่าการ อีก 2 ท่านที่ออกจะผิดหวัง คือ มนัญญา ไทยเศรษฐ มาจากพรรคภูมิใจไทย อดีตนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี ที่ยังมีปัญหาเรื่องโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียราคาหลายร้อยล้านบาท และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคพลังประชารัฐที่มีประวัติและวีรกรรมที่เลื่องลือซึ่งเชื่อกันว่าเป็นมือประสานสิบทิศของพรรคที่สามารถสยบปัญหาที่ว่ายากแสนยากได้ชั่วข้ามคืน
แต่ละพรรคการเมืองล้วนชูนโยบายด้านการเกษตรตอนหาเสียงเลือกตั้งแตกต่างกัน และ 3 ใน 4 ท่าน ไม่เคยมีประสบการณ์ หรือเกี่ยวข้องกับการเกษตรมาก่อน ส่วนคนที่มีประสบการณ์เคยเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 8 เดือน อย่าง ประภัตร โพธสุธน ก็ยังไม่สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นฝากไว้ในอดีตให้จดจำแต่อย่างใด
ย้อนกลับไปดูนโยบายด้านการเกษตรของ4 พรรค ที่หาเสียงไว้ก่อนวันที่ 24 มีนาคม 2562...
พรรคประชาธิปัตย์ ชูเรื่อง ประกันรายได้เกษตรกรให้ครอบคลุมทุกพืช เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้กับเกษตรกร ข้าว ไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 10,000 บาท ยางพาราไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท และปาล์มน้ำมันไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท นอกจากนี้ยังมี การจัดตั้งกองทุนน้ำชุมชน ให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี และโครงการโฉนดสีฟ้า โดยการออก พ.ร.บ. โฉนดชุมชน เพื่อให้สิทธิในการจัดการชุมชน และยกระดับ ส.ป.ก. ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐ โดยการกู้ผ่านธนาคาร และให้ที่ดิน ส.ป.ก. ตกทอดถึงลูกหลานได้
พรรคภูมิใจไทย ชูนโยบายทวงคืนกำไรให้ชาวนาโดยเสนอกฎหมายตั้งกองทุนข้าวระบบกำไรแบ่งปัน เพิ่มรายได้ให้ชาวนา ยุติความไม่เป็นธรรม ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยนำตัวอย่างจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล มาเป็นต้นแบบตั้ง “กองทุนข้าว” ขึ้นมาทำหน้าที่บริหาร กำหนดโควตาการส่งออก จัดทำประกันภัยความเสี่ยง และบริหารแบ่งปันกำไร กับผู้ที่อยู่ในระบบ คือ ชาวนา โรงสี ผู้ค้าข้าว ทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นชาวนาจะได้รายได้จากระบบ “กำไรแบ่งปัน” เพิ่มขึ้นมา และจะนำระบบนี้ไปใช้กับพืชชนิดอื่นๆ ด้วย ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน
พรรคชาติไทยพัฒนา ชูนโยบาย ใช้ตลาดนำการผลิต ส่งเสริมปลูกพืชที่ทำรายได้ดีลดต้นทุนการผลิต และจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมทันสมัย ส่งเสริมการทำงานของอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้านหรือ อกม.โดยจะมีงบประมาณสนับสนุนคนละ 1,000 บาทต่อเดือน จะพัฒนาแหล่งน้ำและสนับสนุนระบบไฟฟ้าเพื่อการเกษตร ฟื้นฟูการประมง รวมทั้งให้ทุนเรียนฟรีระดับปริญญาตรีด้านการเกษตร
พรรคพลังประชารัฐ ชูนโยบาย เกษตรประชารัฐ เหมือนอย่างที่พยายามจะทำในสมัยรัฐบาล คสช. โดยประกาศก้าวสู่เกษตรประชารัฐ 4.0 โดยการปรับโครงสร้างภาคเกษตร ด้วยนโยบาย “3 เพิ่ม 3 ลด” คือ เพิ่มรายได้ เพิ่มนวัตกรรม เพิ่มทางเลือก และ ลดภาระหนี้ ลดความเสี่ยง ลดต้นทุนการผลิต
นโยบายของ 4 พรรค จะนำมาผสมผสานกัน คงไม่ใช่เรื่องยาก อาจจะถกเถียงกันบ้างเรื่องเป้าหมาย โดยเฉพาะการประกันรายได้เกษตรกร และการผลักดันให้ราคาพืชที่มีปัญหาสู่ราคาเป้าหมายที่ตั้งไว้ ยางพาราจะถึงกิโลกรัมละ 60-70 บาทได้ คงหืดขึ้นคอ มันสำปะหลังกิโลกรัมละ 5 บาท และ ปาล์มน้ำมันจะถึงกิโลกรัมละ 10 บาทได้ คงเป็นเพียงความฝัน
ส่วนนโยบายตลาดนำการผลิต ลดต้นทุนการผลิต อาหารปลอดภัย ที่ดินทำกิน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ไม่ใช่ของใหม่ เป็นงานประจำของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องทำอยู่แล้ว อยู่ที่นักการเมืองที่มาบริหารกระทรวงฯ จะหยิบยกเรื่องใดมาทำอย่างจริงๆ จัง แบบเน้นๆ ก่อน-หลังและตั้งชื่อโครงการให้แปลกออกไปเท่านั้น
งานที่รอรัฐมนตรีทั้ง 4 ท่านอยู่เบื้องหน้าก็มิใช่เบา แม้ว่าอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กฤษฎา บุญราช จะพยายามเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถเคลียร์ได้เสร็จสิ้นนั่นคือ ปัญหา สารเคมีกำจัดวัชพืช และศัตรูพืชพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส ที่กำลังดำเนินมาตรการจำกัดการใช้ แต่ฝ่ายคัดค้านยังไม่พอใจพยายามจะยกเลิกให้ได้ และล่าสุดก็อาศัยศิลปินอย่าง แอ๊ด คาราบาว มาแต่งเพลงให้ร้ายสารเคมี 3 ชนิดนั้นแบบไม่สนใจเสียงของเกษตรกร ปัญหาการระบาดของศัตรูพืชและโรคสัตว์หลายชนิด ปัญหาประมงเชิงพาณิชย์ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำก็ยังคงอยู่ ปัญหาภัยธรรมชาติที่เกษตรกรต้องการค่าชดเชยความเสียหาย เหล่านี้...รอทั้ง 4 ท่านมาดูแล
เคลียร์ปัญหาห้องทำงานได้แล้ว แต่งานที่เป็นนโยบายของทั้ง 4 พรรคและปัญหาเร่งด่วนที่รออยู่จะทำให้ผสมกลมกลืนกันอย่างไรนี่สิ..เคลียร์กันหรือยัง....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี