“วราวุธ ศิลปะอาชา” เดินหน้าทำแผนพะยูนแห่งชาติ ประสานกระทรวงมหาดไทย ดูแลพะยูนหวังเพิ่ม200ตัวทั่วประเทศ พร้อมติดแท็กและไมโครชิปพะยูน ป้องกันลักลอบล่า เตรียมย้าย “ยามีล”จาก จ.ภูเก็ต มาอยู่กับ “มาเรียม” ที่เกาะลิบง “ลูกท็อป”จวกคนซื้อและคนขายเขี้ยวกับน้ำตาพะยูนถือว่าสติปัญญาพอๆกัน
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พะยูน ที่เกาะลิบง จ.ตรัง โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯและคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ข้าราชการสังกัด ทส. ตลอดจนกรมการปกครอง ผู้นำชุมชนเกาะลิบง กลุ่มอาสาสมัครผู้พิทักษ์ดูหยง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ร่วมให้การต้อนรับบริเวณอ่าวดูหยง บ้านบาตูปูเต๊ะ เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยนายวราวุธ ได้เยี่ยมดูอาการของพะยูน “มาเรียม” พบว่า มีสุขภาวะร่าเริง ว่ายและดำน้ำได้ดี การหายใจปกติ ไม่พบการปวดเกร็งช่องท้อง
ต่อมานายวราวุธ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ทำการติดแท็กและไมโครชิป ให้กับ “มาเรียม”และ “ยามีล” เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและระบุตัวตน เพื่อเป็นการนำร่องติดพะยูนตัวอื่นๆ โดยเฉพาะในทะเลตรังมี 185 ตัว การติดแท็กกับไมโครชิปจะช่วยในการอนุรักษ์พะยูน และเพิ่มประชากรพะยูนให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้วิธีบินสำรวจ และนับจำนวนประชากรพะยูน นอกจากนี้ยังได้สั่งการว่า หลังมรสุมให้ทช.ย้าย “ยามีล” จากจังหวัดภูเก็ต มาอยู่กับ “มาเรียม” ที่เกาะลิบง
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทส.จะจัดทำแผนพะยูนแห่งชาติ โดยร่วมมือกับภาควิชาการ ประชาชน และกระทรวงมหาดไทย โดยเร่งสำรวจพะยูนทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน โดยต้องการจะเพิ่มจำนวนพะยูนจาก 200 ตัว เป็น 400 ตัว เพราะขณะนี้หน่วยงานราชการยังไม่สามารถดูแลพะยูนได้ทั่วถึง แต่ยังได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งที่มีพะยูนช่วยกันดูแล ทางผู้นำท้องถิ่นบอกว่าตั้งแต่"มาเรียม"มาอยู่ชาวบ้านในพื้นที่มีความเป็นอยู่ดีขึ้น การท่องเที่ยวคึกคัก เรื่องนี้ต้องทำให้สมดุลกันให้ทั้งพะยูนอยู่ได้ และชาวบ้านชาวประมงก็มีความสุข ไม่ใช่ทำให้พะยูนถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามของชาวประมง นอกจากนี้ ก็ต้องดูแลสัตว์ทะเลหายากอย่างอื่นด้วย
เมื่อถามว่า ในพื้นที่มีขบวนการล่าพะยูนหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คาดว่าไม่มี แต่ที่เราพบว่าซากพะยูนมักจะเขี้ยวหายไป เพราะคนบางกลุ่มที่พบซากพะยูน เห็นว่าไหนๆ ก็ตายแล้วจึงตัดมา ทั้งนี้น้ำตาและเขี้ยวพะยูน ที่เชื่อว่าทำให้คนหลงรักเป็นความเชื่อผิดๆ ต่อให้ใช้น้ำตาพะยูนเป็นร้อยตัว ก็ไม่สามารถทำให้คนหลงรักได้ ดังนั้นทั้งคนซื้อและคนขายถือว่าสติปัญญาพอๆกัน ส่วนผู้ที่ครอบครองเขี้ยวพะยูนถือว่ามีความผิดทางกฎหมายด้วยเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี