กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ปีนี้ยังจะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญอ่อนๆ ทำให้อุณหภูมิของอากาศสูงกว่าปกติ ทำให้เกิดสภาวะความแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วงและปริมาณฝนจะน้อย ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ ขณะนี้ประเทศไทยเข้่าฤดูฝนเต็มตัว แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศค่อนข้างต่ำ เขื่อนขนาดใหญ่ 18 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้งานได้ค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะน้ำใน 4 เขื่อนของลุ่มเจ้าพระยาอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศมีน้ำน้อยมาก
เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้เพียง 807 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือ ร้อยละ 8 ของปริมาณการกักเก็บ เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 473 ล้าน ลบ.ม. หรือ ร้อยละ 7 ของปริมาณการกักเก็บ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 93 ล้าน ลบ.ม. หรือ ร้อยละ 10 ของปริมาณการกักเก็บ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ 41 ล้าน ลบ.ม. หรือ ร้อยละ 4 ของปริมาณการกักเก็บ รวมปริมาณน้ำที่ใช้งานได้ของ 4 เขื่อนหลักดังกล่าวขณะนี้เหลือเพียง 1,414 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น และมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อนยังน้อย
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากปริมาณน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีปริมาณค่อนข้างน้อยนั้น จึงสั่งการให้ทุกโครงการชลประทานบริหารตามแนวทางของกรมที่วางแผนไว้อย่างเคร่งครัด โดยประสานกลุ่มผู้ใช้น้ำและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อให้การใช้น้ำเกิดประสิทธิภาพและประหยัดน้ำสำหรับประโยชน์ของภาคส่วน โดยวางแนวทางปฏิบัติไว้ดังนี้
1.ให้ทุกโครงการชลประทานประสานกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ปฏิบัติตามแผนส่งน้ำแต่ละรอบเวรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้น้ำไปทั่วถึงเกษตรกรและผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะรักษาพื้นที่เพาะปลูกคือนาข้าวที่ปลูกแล้วประมาณ 6.21 ล้านไร่ 2.กำชับให้สถานีสูบน้ำของ อปท.ทั้ง 339 แห่ง สูบน้ำตามรอบเวร ที่กรมชลประทานวางแผนไว้เพื่อป้องกันการสูบนอกแผนงาน อันจะกระทบกับพื้นที่อื่น
3.สำหรับเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่เป็นพื้นที่นาดอน ให้เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจให้เกษตรกรชะลอการปลูกข้าวไปจนกว่าจะมีฝนปกติ เพื่อป้องกันความเสียหาย และ 4.โครงการบางระกำโมเดล ที่กรมชลประทานส่งเสริมให้ปลูกเดือนเมษายน เพื่อให้เกี่ยวข้าวเสร็จก่อนน้ำหลาก ขณะนี้เก็บเกี่ยวหมดแล้ว โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน แจ้งให้เกษตรกรในพื้นที่ทราบว่า จะเริ่มงดส่งน้ำเพื่อการเกษตรตั้งแต่ 31 ก.ค. 2562 ตามที่ได้วางไว้ และประสบความสำเร็จด้วยดีเช่นปีที่ผ่านมา
ปริมาณน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งมีประมาณ 1,400 ล้านลบ.ม. ระบายออกวันละ 45 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษานิเวศดันน้ำเค็มในช่วงน้ำทะเลขึ้นสูง รักษาระบบประปา เพื่อการเกษตร เพื่อการอุตสาหกรรม และอื่นๆ
หากระบายปริมาณนี้เท่ากันทุกวันอีก 40 วันน้ำก็จะหมดเขื่อนจริงหรือไม่?
อธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่า ภายใน 40 วัน น้ำไม่หมดเขื่อนและยังไม่เกิดวิกฤติขาดน้ำตามที่วิตกกังวล เพราะความจริงจะมีฝนตกและน้ำไหลเข้าเขื่อนแต่ละพื้นที่ทุกวัน เมื่อเทียบกับสถานการณ์ฝนน้อยในปี 2558 ซึ่งระบายน้ำเพียงวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการบริโภคอุปโภคเท่านั้นและงดส่งน้ำเพื่อการเกษตร แต่ในปีนี้ยังระบายน้ำได้วันละ 45 ล้านลบ.ม. เมื่อเทียบกันแล้วสถานการณ์น้ำในปีนี้ดีกว่าปี 2558 อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ภาพรวมปีนี้ยังมีน้ำใช้การมากกว่าปี 2558 ก็ตาม แต่การประหยัดน้ำจะช่วยป้องกันวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นในสภาวะอากาศที่ผันผวนเช่นปัจจุบันได้
สำหรับการปลูกพืชในเขตชลประทาน(นาปี)ปี 2562 ตามแผนกำหนดไว้ 16.21 ล้านไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกแล้ว 11.23 ล้านไร่ (69%) ในส่วนพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาแผนการเพาะปลูกข้าวนาปี 7.65 ล้านไร่ ปลูกแล้ว 6.21 ล้านไร่ (81.14%) ของแผน ทั้งนี้ กรมยืนยันว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตชลประทานยังคงมีน้ำเพียงพอสำหรับน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และรักษาระบบนิเวศ
อย่างไรก็ตาม แม้ในเขตชลประทานจะมีน้ำเพียงพอ แต่ต้องใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่า เน้นใช้น้ำแบบรอบเวร โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม-กันยายน ขอความร่วมมือการประปาส่วนภูมิภาค การประปาส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สูบตามระยะเวลาที่กำหนดและให้ลดระยะเวลาการสูบ พร้อมสนับสนุนการปลูกพืชเแบบเปียกสลับแห้งที่ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 20-30%
สำหรับการเตรียมการรับมือภัยแล้งของกรมชลประทาน ได้สั่งการให้เฝ้าระวังในพื้นที่ 22 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยในส่วนภาคเหนือนั้นเข้าดำเนินการก่อนฝนทิ้งช่วง ด้วยวิธีจัดรอบเวรส่งน้ำให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไย และส้ม ซึ่งปัญหาคลี่คลายลงเป็นลำดับ นอกจากนี้ กรมยังเตรียมเครื่องสูบน้ำทั้งประเทศ 1,935 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 106 คัน รวมทั้งเครื่องจักรกลสนับสนุนอื่นๆ อีกกว่า 2,000 หน่วย เพื่อช่วยประชาชนและเกษตรกร
“การบริหารจัดการน้ำแต่ละปี กรมจะวางแผนให้สอดคล้องกับคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งคาดหมายฤดูฝนปี 2562 จะมีปริมาณฝนทั้งประเทศน้อยกว่าปี 2561 และจะน้อยกว่าค่าปกติประมาณ 5-10% โดยจะมีฝนทิ้งช่วงปลาย มิ.ย.-กลาง ก.ค. จากนั้นจะมีฝนตกชุกหนาแน่นตั้งแต่ปลาย ก.ค.-ก.ย. 2562 และปลายปีคาดว่าจะมีพายุหมุนเขตร้อนเข้าไทย 1 ลูก” อธิบดีกรมชลประทานกล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี