อสม.เมืองกาญจนบุรี ขานรับนโยบายรัฐบาล เปิดเวทีเสวนา โครงการปลูกกัญชา เพื่อการแพทย์ “แก่งเสี้ยน กาญจนบุรี โมเดล” ครั้งที่ 1 มีผู้เชี่ยวชาญ ม.เทคโนโลยีพระนคร ให้ความรู้

เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ 27 กรกฎาคม ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)บ้านเขาพุราง หมู่ 11 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)กาญจนบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานจัดวีทีการสัมมนาในหัวข้อ “พื้นที่ต้นแบบ การปลูก การผลิต และการวิจัยพัฒนา กัญชาทางการแพทย์” “แก่งเสี้ยน กาญจนบุรี โมเดล” ครั้งที่ 1

โดยมี อ.ไชยภิรมย์ อัจจนะนนท์กุล เป็นผู้ดำเนินการสัมมนา นายณัฏฐ์นันธ์ อัจฉรากิตติ CEO บริษัท ลอตส์ มอร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกัญชา และตลาดกัญชาในต่างประเทศ เสวนาเกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของกัญชาทางการแพทย์ รวมทั้งสถานการณ์ของกัญชาในปัจจุบัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเสวนาในหัวข้อกัญชารักษาโรคได้อย่างไร รวมทั้งให้ความรู้ถึงนโยบายของภาครัฐกับกัญชาทางการแพทย์

นายพล สุภาพร ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเกษตร เสวนาเกี่ยวกับการปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ภายใต้กฎหมายไทย นายพัฒนันท์ ผ่องอำไพ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีการปลูกกัญชาทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับโรงเรือนสำหรับการปลูกกัญชาทางการแพทย์

นายณัฐชรัตน์ กฤตธน ประธานกรรมการศูนย์บ่มเพาะด้านนวัตกรรม(llC)ทำหน้าที่เลขาธิการสมาพันธ์นวัตกรรมกัญชาไทย กล่าวถึง แก่งเสี้ยนโมเดล-กาญจนบุรี ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)เขต อ.เมืองกาญจนบุรี กว่า 150 คน เข้าร่วม

ทั้งนี้ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ กล่าวภายหลังว่า เราต้องเข้าใจกันก่อนว่า กัญชาเป็นพืชสมุนไพรของไทยที่เราเองรู้จักและมีการใช้ในการรักษาโรคมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณมาแล้ว แต่ที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจผิดว่ากัญชาเป็นสิ่งเสพติด และไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ในหลายทรรศวรรตที่ผ่านมานั้น กัญชาถูกสังคมโลกสร้างภาพให้เห็นว่าเป็นสิ่งเสพติด และไม่มีประโยชนทางการแพทย์ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีผลงานและการศึกษาวิจัยจากหน่วยงานและองค์กรชั้นนำของโลกมารองรับว่ากัญชา เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้ ก็เกิดแนวคิดที่จะเผยแพร่ขึ้นมา

เพราะฉะนั้นกลุ่มเป้าหมาย แรกที่เราคำนึงถึงก็คือกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อให้พี่น้องชาว (อสม.) ได้มีความรู้ ได้ทำความเข้าใจ และมีความสามารถในการที่จะปลูก หรือว่าดูแลกัญชาขึ้นมาให้มีคุณภาพถึงขั้นเป็นกัญชาทางการแพทย์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่าเราจะทำให้ อสม.ของจังหวัดกาญจนบุรี ยกระดับความรู้ความเข้าใจสร้างประโยชน์และความมั่นคงให้กับท้องถิ่น

ดังนั้นการผลิตกัญชาที่มีคุณภาพถึงขั้นทางการแพทย์ได้นั้น เป็นเรื่องที่เราจะต้องศึกษาและทำการค้นคว้าเพื่อที่จะปลูกให้ได้คุณภาพ ตามที่ว่ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่พี่น้อง อสม.หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำการผลิตจะทำได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นเบื้องต้นจะต้องมีการให้ความรู้ และหาความร่วมมืออย่างจริงจังในการที่จะดำเนินโครงการนี้

พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดเสวนาในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระนคร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ที่ทำการศึกษา และทำการปลูกกัญชาได้ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติให้ทำการปลูกของไทย

ซึ่งตอนนี้กำลังที่จะศึกษาเพื่อที่จะหาข้อยุติในเรื่องของการใช้พื้นที่ในการทดลองเพาะปลูก รวมทั้งการทำโรงเรือน ไปจนถึงขั้นตอนการผลิตด้วยมาตรฐานสากลขึ้นมาเพื่อที่จะให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการ สำหรับพื้นที่ที่จะใช้สำหรับปลูกกัญชาตามโครงการ “แก่งเสี้ยนโมเดล-กาญจนบุรี”นั้น จะใช้เป็นพื้นที่ที่ได้ประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และจะต้องดูด้วยว่าเราสามารถจะใช้สิทธิ์ ในเรื่องของการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน

แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายนี้ ต้องขอเรียนพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรีอย่างนี้ว่า ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกัญชากันมานานแล้ว แต่ในการผลิตเพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานสากลนั้นเป็นเรื่องใหม่ที่เราจะต้องไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ซึ่งทางเรายินดีที่จะให้ความรู้ และให้มาร่วมกันในการที่จะเข้าสู่โครงการเพื่อเป็นต้นแบบต่อไป

นายณัฏฐ์นันธ์ อัจฉรากิตติ CEO บริษัท ลอตส์ มอร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกัญชา และตลาดกัญชาในต่างประเทศ กล่าวว่า ทั้งนี้อุตสาหกรรมกัญชาในระดับโลกมีความก้าวไกลทั้งทางด้านนวัตกรรมในการปลูก สกัด ใช้งาน และการทำการตลาดอย่างมาก

ซึ่งในปัจจุบันนานาประเทศทั่วโลกก็มีความตื่นตัวและเริ่มก้าวอย่างจริงจังในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งนี้หากประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชาอย่างมั่นคงและยั่งยืนประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงมาตรฐานและแนวโน้มต่างๆที่จะเป็นไปในตลาดโลกในปัจจุบันและอนาคตด้วย

หากไม่แล้วประเทศไทยอาจประสบปัญหาต่างๆที่นานาประเทศ ซึ่งเปิดเสรีทางกัญชามาก่อนเราหลายสิบปีประสบอยู่ อาทิเช่น การควบคุมมิให้การปลูกสร้างอุปทานในตลาดที่มากเกินจนราคาของกัญชามีความผันผวนและตกต่ำ จนกระทั่งในบางแห่งมีอุปทานกัญชาเกินความต้องการหลายปี และเกิดการหลั่งไหลของกัญชาไปสู่เยาวชนจนเกินควบคุมได้

ทั้งนี้ปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นสามารถจัดการได้ หากการเริ่มต้นเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชาของประเทศไทยทำอย่างถูกต้อง โดยอิงมาตรฐานและความต้องการที่แท้จริงของกัญชาในคุณภาพระดับ Medical Grade ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีความต้องการสูง แต่ประสบกับการขาดแคลนในตลาดอย่างมหาศาล

ยกตัวอย่างเช่นตั้งแต่การเริ่มต้นปลูกจะต้องสามารถรับประกันเรื่องของการปลอดซึ่งโลหะหนักและพิษจากยาฆ่าแมลงซึ่งยากจะหลีกเลี่ยงได้หากทำการปลูกในพื้นที่เปิด และการสกัดด้วยวิธีเฉพาะเพื่อให้สามารถแยกสาร CBD (Canabidiol สารที่มีประโยชน์มากมายทางการแพทย์แต่ไม่ก่อให้เกิดอาการมึนเมา) บริสุทธิ์จากการปลูกที่สามารถระบุและติดตามแหล่งที่มาได้ทุกขั้นตอนซึ่งมีความต้องการอย่างมหาศาลเพียงพอที่จะรองรับการปลูกกัญชาในประเทศไทยโดยเกษตรกรทั่วประเทศได้