จนท.ความมั่นคงในอำเภอเบตง เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย ป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีรวมทั้งบุคคลที่ถือบัตรประชาชน 2 สัญชาติเดินทางลักลอบเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ได้ ในช่วงวันชาติของประเทศมาเลเซีย และวันสถาปนากลุ่มเบอร์ซาตู หวั่นคนร้ายสร้างสถานการณ์เชิงสัญลักษณ์
วันที่ 6 สิงหาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในอำเภอเบตงทั้งทหาร ตำรวจ อส. และกำลังภาคประชาชน ให้เพิ่มความเข้มข้นในการตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บุคคลต้องสงสัยที่เข้า - ออก เมืองเบตง รวมทั้งตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันคนร้ายลักลอบเข้ามาก่อเหตุ รวมทั้งเพื่อสร้างความปลอดภัยและมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย จึงได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคง เพิ่มการรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ราชการ ร้านค้าย่านชุมชน แหล่งท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ เป็นวันชาติของประเทศมาเลเซีย และเป็นวันสถาปนากลุ่มเบอร์ซาตู ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมายโจมตีของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลบุคคลแปลกหน้า วัตถุต้องสงสัย ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีอาจลักลอบนำเข้ามาก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ในช่วงนี้ได้
ทั้งนี้ ในวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันชาติของประเทศมาเลเซียในทุกๆ ปีจะมีการสร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ เช่น วางระเบิดเผายางรถยนต์ เผาธงชาติไทย ปักธงชาติมาเลย์ เผาสถานที่ราชการ ซึ่งวันชาติของประเทศมาเลเซีย หรือ “วันเมอร์เดการ์ ” (เอกราช) ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี นอกจากเป็นวันสำคัญของประเทศมาเลเซียแล้ว ยังเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง “ขบวนการเบอร์ซาตู” ซึ่งกลุ่มคิดต่างจากรัฐที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รวมตัวกันประกอบด้วยขบวนการแนวร่วมอิสลามปลดปล่อยปัตตานี (BIPP) ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมาลายู (BRN) ขบวนการกู้ชาติปลดปล่อยรัฐปัตตานี (PULO) และขบวนการมูจาฮีดินอิสลามปัตตานี (GMIP) อีกทั้งยังมีกลุ่มเล็กๆ อีกหลายกลุ่มได้ร่วมกันเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2532
แต่ในปัจจุบัน “ขบวนการเบอร์ซาตู” ได้ล่มสลายไปแล้ว แต่กระนั้นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มฮาร์ดคอร์ กลุ่มนักรบรับจ้างที่รับงานเพื่อเข้ามาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ และมักฉวยโอกาสใช้วันสำคัญๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สร้างสถานการณ์เพื่อหวังก่อกวน สร้างความระส่ำระสายต่อบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย และก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมักจะทำการก่อเหตุลอบวางระเบิด เผายางรถยนต์ เผาธงชาติไทย ปักธงชาติมาเลย์
พร้อมทั้งวางวัตถุต้องสงสัยทั้งระเบิดจริง ระเบิดปลอมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา ซึ่งการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในการก่อเหตุก่อกวนป่วนใต้ เป็นการหวังผลทางการเมือง ซึ่งมีการเผาทำลายธงชาติไทย แล้วเอาธงชาติมาเลเซียขึ้นแทนเพื่อให้เกิดความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
จากความเคลื่อนไหว ล่าสุดได้มีการแจ้งเตือนจากหน่วยข่าวความมั่นคงให้เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังกลุ่มร้ายที่จะฉวยโอกาสก่อเหตุสร้างสถานการณ์ “วันชาติมาเลย์” ก่อนและหลัง วันที่ 31 สิงหาคมนี้ จากสถานการณ์ด้านการข่าวล่าสุด คาดว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเตรียมเคลื่อนไหวในวันสำคัญ ด้วยการสั่งให้สมาชิกแนวร่วมในพื้นที่ทำการโจรกรรมรถจักรยานยนต์เพื่อนำไปประกอบระเบิดแสวงเครื่องเพื่อสร้างสถานการณ์
ซึ่งหน่วยความมั่นคงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดสกัด ทำการเฝ้าระวังรถยนต์ รถจักรยานยนต์ต้องสงสัยเข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะตรงกับวันชาติของประเทศมาเลเซียที่กลุ่มก่อความไม่สงบอาจใช้วันดังกล่าวลงมือก่อเหตุซึ่งจะนำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้
สำหรับบรรยากาศท่องเที่ยวเมืองเบตง ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทาง มาเที่ยวอย่างปกติ และมีหารจแงห้องพักเต็มยาวไปถึงกันยายน เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย โดยชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำงานในประเทศมาเลเซียต่างเดินทางกลับ ผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง เพื่อที่เดินทางกลับภูมิลำเนาไปร่วมเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัฎฮา หรือ รายอฮัจยี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 สิงหาคมนี้
ด้าน พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สารีรัตน์ ผกก.สภ.เบตง และ หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ได้เพิ่มความเข้มในการในการสแกนตัวบุคคลเป้าหมายที่อาจจะปะปนอยู่ในย่านเขตเมือง ภายหลังเกิดเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯและปัตตานี เกรงว่า ทางกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ อาจจะใช้กลยุทธ์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในการป้องกันเหตุในจุดที่เกิดเหตุแทน จึงได้เพิ่มความเข้ม ในการป้องกันตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเขตเมือง และพื้นที่รอบนอก โดยให้เฝ้าระวัง สถานที่ราชการ ย่านเศรษฐกิจสำคัญ ตลาดสด และย่านชุมชนไทยพุทธ เป็นกรณีพิเศษ โดยให้ด่านจุดตรวจเข้าเมือง หน่วยกำลัง 3 ฝ่าย ทำการตรวจค้นยานพาหนะ บุคคลต้องสงสัย ที่มีการอำพรางใบหน้า และตรวจสอบหมายเลข 13 หลัก เพื่อหาผู้ต้องหาตามหมาย พรก.และ หมายอาญา อย่างละเอียด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี