ดินฟ้าอากาศแปรปรวน เหนือหลายจังหวัดฝนตกตลอดคืน แม่ฮ่องสอน12 หมู่บ้านถูกตัดขาด เช่นเดียวกับตาก แม่น้ำเมยล้นตลิ่งท่วมท่าสองยาง ดินสไลด์ ต้นไม้ล้มปิดถนน ด้านกรมชลฯเผยอานิสงส์วิภา เพิ่มน้ำเขื่อนทั่วประเทศ ฟื้นแล้ง พื้นที่เกษตรรอด เขื่อนจิงหงแจ้งลดระบายน้ำเพื่อซ่อมบำรุง 11-15ส.ค. สทนช.เตือน8จว.ริมโขงเตรียมรับมือ กระทรวงเกษตรฯสรุปภัยแล้งลามทำพื้นที่เกษตรเสียหายทั้งหมด 2.29แสนไร่ นาข้าวมากสุด ยืนต้นตายกว่า1.5แสนไร่ ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว3จว.
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยสถานการณ์น้ำในเขื่อนทั่วประเทศ จากอิทธิพลพายุวิภาทำฝนตกหนักหลายพื้นที่ทั่วประเทศว่า ฝนที่ตกจากพายุวิภาตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม-6 สิงหาคม ทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศรวม 2,011.69 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) สำหรับอ่างเก็บน้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยามีน้ำไหลเข้าอ่างฯ รวม 622.92 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ จากฝนที่ตกทำให้นาข้าวและพืชผลทางการเกษตรเริ่มฟื้นตัว กรมชลประทานจึงเริ่มปรับลดการระบายน้ำตามความต้องการใช้น้ำของแต่ละพื้นที่ โดยเขื่อนภูมิพลเดิมระบาย 21 ล้าน ลบ.ม. วันนี้เหลือ 16 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์เดิมระบาย 17.79 ล้าน ลบ.ม. วันนี้เหลือ 13.92 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเดิมระบาย 1.73 ล้าน ลบ.ม. วันนี้เหลือ 1.17 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์คงการระบายที่ 200,000 ลบ.ม. รวมปริมาตรการระบายของทั้ง 4 เขื่อนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 40.79 ล้าน ลบ.ม. ส่วนวันนี้ เหลือ 31.36 ล้าน ลบ.ม. ลดลง 9.43 ล้านลบ.ม. ต่อวัน
นายทองเปลวกล่าวต่อว่า อิทธิพลของพายุวิภา ทำให้มีฝนตกบริเวณภาคเหนือฝั่งตะวันออกส่วนมากที่จ.น่านหลายพื้นที่มีฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตรต่อวัน ทำให้น้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์มากและระดับน้ำแม่น้ำน่านมีแนวโน้มสูงขึ้น เมื่อพายุอ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมจ.เชียงราย เชียงใหม่ และตาก ทำให้มีฝนตกลงต้นน้ำปิงไหลเข้าเขื่อนภูมิพล จ.ตาก
นอกจากนี้ อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมมรสุมประจำฤดูฝน ทำให้ฝนตกชุกในภาคกลางฝั่งตะวันตก ดังนั้น น้ำจึงไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์รวม 736.13 ล้าน ลบ.ม. ทำให้น้ำใช้สำหรับฤดูแล้งมีมากขึ้นและผันมาเสริมน้ำลุ่มเจ้าพระยาผ่านคลองท่าสาร-บางปลาเข้าสู่ระบบโรงผลิตน้ำประปามหาสวัสดิ์ การประปานครหลวง ซึ่งจ่ายน้ำพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก รวมทั้งช่วยเหลือพื้นที่เกษตรลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง บริเวณจ.นครปฐม ไม่ให้มีภาวะน้ำเค็มรุก ซึ่งรมว.เกษตรฯกำชับให้บริหารจัดการน้ำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีน้ำเพียงพอทุกภาคส่วน
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝนที่ตกลงมาทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนต่างๆ จังหวัดริมน้ำโขงนั้น สถานการณ์น้ำดีขึ้น เนื่องจากระดับน้ำลำน้ำโขงสูงขึ้น แม่น้ำสายหลักของไทยบรรจบกับลำน้ำโขงมีระดับสูงขึ้น หากฝนตกต่อเนื่องตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ
ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีนแจ้งข้อมูลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหงที่จะเริ่มปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนจิงหงลงจาก 1,100 ลบ.ม./วินาที เป็น 600-800 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่วันที่ 11-15 สิงหาคม เพื่อบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าโรงผลิตพลังน้ำในช่วงดังกล่าว จากนั้นจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจนกลับสู่สถานะปกติ ซึ่งสทนช.ออกหนังสือแจ้งเป็นทางการไปยังกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขงได้แก่ เชียงราย เลย นครพนม หนองคาย มุกดาหาร บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี กรมทรัพยากรน้ำ กรมเจ้าท่า กรมประมง และกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ กรรมการลุ่มน้ำโขงอีสานเป็นการด่วน เพื่อรับทราบสถานการณ์ พร้อมเตรียมมาตรการรับมือล่วงหน้า
ส่วนสถานการณ์ในหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.แม่ฮ่องสอนว่า เกิดฝนตกสะสมตลอดทั้งคืน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเงา เพิ่มสูงขึ้น เส้นทางสาย มส.3017 เข้าสู่หมู่บ้านต่างๆ ยังมีน้ำทะลักท่วม บางจุดมีดินสไลด์ปิดทับเส้นทาง ทำให้ชาวบ้าน 12 หมู่บ้านถูกตัดขาด ล่าสุดกำลังทหารและเจ้าหน้าที่หลายหน่วยลงพื้นที่เตรียมพร้อมช่วยเหลือ และเปิดเส้นทางทันทีที่ระดับน้ำลดลง นอกจากนี้ ยังมีดินสไลด์ทับบ้านเรือนในพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านแม่ละอูน รวมทั้งมีดินโคลนและดินสไลด์ถล่มปิดทับเส้นทางหลายแห่ง รถทุกชนิดสัญจรไม่ได้ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันตัดกิ่งไม้ที่ล้มขวาง หรือใช้รถไถเปิดเส้นทาง บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
ขณะที่ตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ระดับน้ำในแม่น้ำเมยล้นตลิ่งท่วมหมู่บ้านแม่ตะวอ หมู่ 9 ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก หลายจุดน้ำท่วมสูง ไม่มีท่าทีจะลดลง ลมพัดแรง เจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังริมตลิ่งต้องออกแจ้งเตือนชาวบ้านให้เพิ่มความระมัดระวัง ส่วนสถานการณ์ดินเลื่อนไหลและต้นไม้ใหญ่ล้มปิดทับเส้นทางตลอด 5 อำเภอแนวชายแดน จ.ตาก ล่าสุดตลอดทั้งคืนยังมีดินเลื่อนไหล ต้นไม้ล้มหลายจุด โดยเฉพาะบนถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง ช่วงบ้านแม่กลองคี
สำหรับผลกระทบสถานการณ์ภัยแล้ง เนื่องจากฝนทิ้งช่วงก่อนหน้านั้น นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรฯเผยว่า จากข้อมูลศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์แล้งฝนทิ้งช่วง ปี 2562 ในทุกจังหวัด รวมถึงการตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เสียหายผ่านระบบสารสนเทศการผลิตทางด้านการเกษตร (รต.) ของกรม ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม สรุปสถานการณ์พืชเศรษฐกิจหลักสำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และอ้อย พบมีพื้นที่ปลูกหรือคาดว่าจะปลูกทั้งหมด 86,552,108 ไร่ เป็นพื้นที่เพาะปลูกแล้ว 72,750,126 ไร่ (ร้อยละ 84) พื้นที่ยังไม่เพาะปลูก 13,801,983 ไร่ (ร้อยละ 16)
สำหรับพื้นที่เพาะปลูกเสียหายสิ้นเชิง เบื้องต้นมี 229,648 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 0.31 หรือไม่ถึง 1% แยกเป็น ข้าว 156,881 ไร่ ร้อยละ 0.31 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 62,817 ไร่ ร้อยละ 1.42 มันสำปะหลัง 8,621 ไร่ ร้อยละ 0.10 และอ้อยโรงงาน 1,329 ไร่ ร้อยละ 0.01 ขณะนี้มีจังหวัดที่รายงานพื้นที่การเกษตรเสียหายเบื้องต้น และผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ สุพรรณบุรี และชัยภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี