ผบ.ตร.นำทีมแถลงภาพรวมคดีระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพฯ พบ 2 ผู้ต้องหาเอี่ยวโจมตีฐานปฏิบัติการนาวิกโยธินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยอมรับทำคดียาก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม 2562 พล.ต.อ.พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำทีมสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แถลงความคืบหน้าภาพรวมของคดี โดยกล่าวถึงเหตุผลความจำเป็นที่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของคดีได้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเกรงจะกระทบรูปคดีและส่งผลให้คนร้ายไหวตัวหลบหนี พร้อมขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่ถึง 10 ชั่วโมง สามารถจับผู้ต้องหาได้ทันที 2 คน คือ นายลูไอ แซแง อายุ 22 ปี ทำหน้าที่วางระเบิด และนายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี ทำหน้าที่ ดูต้นทางและคุ้มกัน โดยจับได้ที่จุดตรวจปฐมพร จังหวัดชุมพร เบื้องต้น ถูกแจ้งข้อหา อั้งยี่ซ่องโจร มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง และพยายามฆ่า
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทั้งสองคน เบื้องต้น ให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยระบุได้เพียงว่า อยู่ในระดับปฏิบัติการ และมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี จากการเตรียมชุดมาเปลี่ยนถึง 5 ชุดหลังก่อเหตุ ขณะที่ แผนประทุษกรรม และความเชื่อมโยงของระเบิดแต่ละจุด มองว่า ไม่ประสงค์ถึงแก่ชีวิต อีกทั้ง จากการตรวจสอบ พบเคยมีประวัติเคยร่วมก่อเหตุโจมตีฐานนาวิกโยธิน ที่จังหวัดนราวาส เมื่อปี 2556 ส่วนประเด็นการจัดหาและจุดประกอบระเบิด มีความเป็นไปได้ทั้งการนำมาจากพื้นที่ภาคใต้ หรือมาจัดหาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยยังไม่สารภาพถึงผลตอบแทนที่ได้รับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ผบ.ตร.ได้ย้อนรายระเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 2544-2562 ในแต่ละยุครัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร จนถึงยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมระบุว่า จากประสบการณ์ของตน เหตุระเบิดที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ร้อยละ 80-90 เป็นระเบิดทางการเมือง แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ พบว่า มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน จึงยากที่จะทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง และกลุ่มใดอยู่เบื้องหลัง แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว การก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เคยมีกลุ่มไหนออกมายอมรับ หรือประกาศว่า เป็นผู้ลงมือ
ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ตนก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครอยู่เบื้องหลัง และต้องการอะไร ถ้าเป็นไปได้ตนอยากให้เงิน 2 ล้านบาทด้วยซ้ำ แต่ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ทำเอง เป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่ขึ้นมาก่อเหตุ และไม่ได้เกิดจากความแค้นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจ"ผบ.ตร.กล่าวย้ำ
ด้าน พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วยผบ.ตร.) ได้ไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงวันที่ 1-2 สิงหาคม 2562 ตั้งแต่การพบระเบิดด้านหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 ลูก ช่วงบ่ายวันที่ 1 สิงหาคม จนช่วงเช้าวันที่ 2 สิงหาคม เกิดเหตุระเบิดที่ทางเข้า-ออกศูนย์ราชการอาคาร B 2 ครั้ง / หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย 1 ครั้ง / หน้าอาคารมหานคร 2 ครั้ง / หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 1 ครั้ง ซึ่งจากพยานหลักฐานที่ตรวจเก็บได้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง มีลักษณะการประกอบระเบิดลักษณะเดียวกัน
ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่ร้านค้าย่านประตูน้ำ 4 จุด และร้านค้าย่านสยาม ปทุมวัน อีกจำนวนหนึ่ง เป็นระเบิดแสวงเครื่องเพลิง ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนเหตุทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน พร้อมเชื่อว่า ขบวนการที่ก่อเหตุนี้ สามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มมาสเตอร์มายด์ ซึ่งเป็นคนกำหนดยุทธศาสตร์ 2. กลุ่มกลุ่มคนวางแผน สั่งการ กำหนดขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ การสรรหาคน 3.กลุ่มคนช่วยเหลือสนับสนุน ทั้งก่อน-ขณะ-หลังเกิดเหตุ และ4.กลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติ
พล.ต.ท.สุวฒน์ กล่าวว่า ทั้วงนี้ จากการสืบสวน ต้องครอบคลุมไปทุกกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่มีการพูดคุยซักถามนับร้อยคนและมีการควบคุมตัวได้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่เบื้องต้นที่จับได้ 2 คน เป็นกลุ่มผู้ปฏิบัติ จากที่สืบทราบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 15 คน พร้อมยอมรับบางคน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนแรงจูงใจ ยังเปิดเผยไม่ได้ เพียงรับฟังจากมุมมองของระดับปฏิบัติเท่านั้น แต่อาจไม่เข้าถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของคนกำหนดยุทธศาสตร์ แต่ยืนยันได้ว่า ตำรวจมีพยานหลักฐาน หลายอย่างประกอบ ยืนยันตัวผู้กระทำผิด ขณะเดียวกัน ยังยอมรับ มีผู้ต้องหาบางส่วนเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งจะต้องประสานหน่วยที่เกี่ยวข้อง สืบสวนสอบสวนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี