ผมมีโอกาสได้คุยกับชาวสวน หลายคนเริ่มให้ข้อคิดเห็นและตั้งข้อสังเกตโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกรชาวจังหวัดจันทบุรี เริ่มมีความเป็นห่วงว่าวงจรราคาผลไม้โดยเฉพาะทุเรียน จะกลับเข้าสู่วังวนเดิม ราคาตกทุกฤดูกาลผลิต อย่างที่เคยประสบในหลายๆปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุว่ามีการขยายพื้นที่ปลูกออกไปมากแทบทุกภูมิภาค ทั้งแหล่งปลูกเดิมและแหล่งปลูกใหม่ เกรงว่าอีกสัก 5-6 ปีข้างหน้าทุเรียนในแหล่งที่ขยายไปเริ่มผลิดอกออกผล ในขณะที่แหล่งปลูกเดิมให้ผลผลิตเต็มที่ ราคาทุเรียนจะดิ่งลงเหว ตามหลัก Demand – Supply ที่เป็นที่รู้กัน
หลายวันก่อนผมมีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมพี่น้องเกษตรกรในเขตภาคตะวันตกมีแม่ค้านำทุเรียนพายเรือมาจำหน่ายที่ตลาดน้ำ ราคากิโลกรัมละ 90 บาท ถามได้ความว่าเป็นทุเรียนจากภาคใต้ ดูจากสภาพผลทุเรียนแล้วเป็นทุเรียนลูกเล็กมาก น่าจะเป็นทุเรียนที่ถูกคัดทิ้งมาหลายรอบ น้ำหนักไม่น่าจะเกิน 1-2 กิโลกรัม/ผล ตอนแรกผมยังเข้าใจว่าเป็นทุเรียนจากสวนย่านนี้ แม่ค้ารีบแจ้งทันทีว่าหากเป็นสวนทางภาคตะวันตกราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 150 บาท หลังจากออกจากตลาดน้ำ เข้าสู่ถนนสายหลัก เห็นแผงขายทุเรียนมาตั้งขาย จากเดิมไม่เคยมีแผงขายทุเรียน สอบถามเห็นว่าเป็นทุเรียนใต้เช่นกัน แต่ขนาดผลใหญ่กว่าทุเรียนที่ขายที่ตลาดน้ำ ราคาจึงสูงกว่า ตกกิโลกรัมละ 120 บาท ขณะที่ทีมงานที่มาด้วยกันเล่าให้ฟังว่า หากเป็นทุเรียนป่าละอูแล้ว ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 300-400 บาท ตกผลละไม่ต่ำกว่า 800 บาท ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ถ้าใครอยากทานต้องไปสั่งซื้อที่ป่าละอูเท่านั้น
ในเชิงการตลาดแล้ว สินค้าบางอย่างก็ไม่ได้ขึ้นกับ Demand-Supply หากขึ้นกับความพึงพอใจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับผลไม้เช่นทุเรียนหรืออาจเป็นผลไม้ชนิดอื่นก็ตาม หากสามารถสร้างอัตลักษณ์ หรือที่เขาเรียกว่า Unique ให้เกิดขึ้น มีความโดนเด่น มีอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น อีกทั้งผลผลิตออกไม่ตรงกับแหล่งอื่น สร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้ทราบว่า หากอยากทานผลไม้ชนิดนี้ที่มีลักษณะแตกต่างโดดเด่นแบบนี้ จะต้องมาจากแหล่งผลิตนี้เท่านั้น ประเด็นเรื่องราคาจะเป็นประเด็นรองลงไปในทันที อย่างกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลาของกรมวิชาการเกษตร เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้พบกับชาวสวนทุเรียนที่ปลูกทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองซึ่งจำหน่ายได้ราคาดี เนื่องจากผลผลิตออกไม่ตรงกับแหล่งผลิตหลักและมีลักษณะเฉพาะตัว จึงไม่เคยประสบปัญหาราคาทุเรียนตกต่ำแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความมีอัตลักษณ์
ดังนั้น แนวทางหนึ่งในการพัฒนาการตลาดสินค้าเกษตร คือ การพัฒนาอัตลักษณ์ของสินค้าตนเองให้เป็นหนึ่งเดียว จะเป็นด้วยสภาพภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน ลักษณะดิน การติดดอกออกผลที่แตกต่างไปจากแหล่งผลิตอื่น หรือ ผลจากการใช้เทคโนโลยีการผลิตร่วมด้วย เชื่อได้ว่าผู้บริโภคยังมีความพึงพอใจในการบริโภคสินค้าเกษตรนั้นๆ โดยไม่เกี่ยงเรื่องราคา ยิ่งถ้าผลไม้หากมีการกระจายผลผลิตออกตลอดทั้งปี ร่วมกับมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว เชื่อได้ว่าตลาดภายในประเทศยังมีกำลังซื้อเพียงพอ โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศเพียงตลาดเดียว ที่ส่งผลกระทบต่อวงจรผลไม้และวีถีชีวิตของชาวสวนมายาวนาน วันนี้เราต้องเป็นตัวของเราเอง ทั้งผู้ผลิต คือ พี่น้องเกษตรกร และ ผู้บริโภค คือ คนในประเทศของเรา นิยมไทย ไทยเจริญ ผมเชื่อสร้างได้ถ้าเรามุ่งมั่น
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี