ลุ่มน้ำชีเป็น 1 ใน 22 ลุ่มน้ำหลักของประเทศอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ลุ่มน้ำรวมมากกว่า 49,000 ตารางกิโลเมตร หรือมากกว่า 30 ล้านไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขต 14 จังหวัด มีลำน้ำชีเป็นแม่น้ำสายหลักของลุ่มน้ำ และมีลำน้ำสาขาสำคัญ เช่น ลำน้ำพรม ลำน้ำพอง ลำน้ำเชิญ ลำน้ำลำปาว และลำน้ำยัง
การพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำชีนั้น แม้ที่ผ่านมาจะมีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่แล้วหลายแห่ง แต่พื้นที่ที่พัฒนาดังกล่าวจะอยู่ตอนกลางของลุ่มน้ำเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การใช้ประโยชน์จากน้ำในลุ่มน้ำชีไม่เต็มศักยภาพเท่าที่ควร อีกทั้ง ยังประสบปัญหาอุทกภัย และภัยแล้งเป็นประจำ โดยปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำนี้ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คืออุทกภัยบริเวณลุ่มน้ำตอนบนและลำน้ำสาขาต่างๆ เกิดจากฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากจากต้นน้ำลงมามาก จนลำน้ำสายหลักระบายน้ำไม่ทัน ประกอบกับมีสิ่งกีดขวางจากเส้นทางคมนาคมขวางลำน้ำ และมีอาคารระบายน้ำไม่เพียงพอ อีกลักษณะหนึ่ง เป็นอุทกภัยที่เกิดในพื้นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายหลักตื้นเขิน ไม่สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาลุ่มน้ำชีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องแก้ไขเชิงพื้นที่เป็นระบบ หรือ Area basedทั้งลุ่มน้ำ โดยต้องก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในพื้นที่ตอนบนของลำน้ำชี และลำน้ำสาขาที่สำคัญก่อสร้างระบบส่งน้ำและสูบน้ำ เพื่อกระจายน้ำใหัพื้นที่ประสบภัยแล้ง ปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ และกักเก็บน้ำในลำน้ำสายหลัก ปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินเขตตัวเมืองป้องกันการบุกรุกล้ำแนวลำน้ำสาธารณะ อนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำ และขุดสระประจำไร่นาตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
อธิบดีกรมชลประทานกล่าวต่อว่า แหล่งใช้น้ำหลักของประชาชนและเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และยโสธร คือลำน้ำชีและหนองน้ำสาธารณะที่กระจายอยู่โดยรอบ ซึ่งมักประสบปัญหาน้ำล้นตลิ่งช่วงน้ำหลาก และน้ำแห้งขอดช่วงฤดูแล้ง ดังนั้น ที่ผ่านมากรมชลประทานพัฒนาปรับปรุงแก้มลิงพร้อมอาคารประกอบเพื่อเพิ่มปริมาณเก็บน้ำไปแล้ว 138 แห่ง เก็บน้ำได้ 136 ล้านลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ถึง 113,236 ไร่
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า ยังมีหนองน้ำสาธารณะและแก้มลิงกระจายอยู่สองฝั่งลำน้ำชีอีกมากกว่า 100 แห่ง ที่สามารถพัฒนาเพิ่มความจุให้เต็มศักยภาพ โดยภายในปี 2565 สำนักงานชลประทานที่ 6 และ 7 จะเข้าพัฒนาแก้มลิงพร้อมอาคารประกอบอีก 129 แห่ง เก็บน้ำได้เต็มศักยภาพรวม 257.96 ล้านลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 171,583 ไร่
นอกจากความพยายามพัฒนาแหล่งเก็บน้ำเดิมแล้ว กรมชลประทานยังมีการพัฒนาแหล่งเก็บน้ำใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ควบคู่ไปด้วย โดยปี 2562 ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง อยู่ใน
จ.ชัยภูมิทั้งหมดคือ อ่างเก็บน้ำลำสะพุงอ.หนองบัวแดง อ่างเก็บลำน้ำชี อ.บ้านเขว้า และอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร อ.หนองบัวระเหว กักเก็บน้ำได้รวม 160 ล้านลบ.ม. มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 127,000ไร่ นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2562-2565 จะสร้างอ่างเก็บน้ำในจ.ชัยภูมิ อีก 3 แห่ง เช่นกัน ได้แก่ อ่างเก็บน้ำพระอาจารย์จื่อ อ่างเก็บน้ำห้วยจอมแก้ว และอ่างเก็บน้ำลำเจียง ความจุรวมกันประมาณ 74 ล้านลบ.ม. เพิ่มพื้นที่รับประโยชน์ได้ 49,000 ไร่
“สภาพลำน้ำชีตั้งแต่ต้นน้ำ จ.ชัยภูมิ ลงมามีความลาดชันสูง น้ำไหลแรงจนมาเข้าเขต จ.ขอนแก่น ไหลต่อลงไปที่ จ.มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ไปจนถึงยโสธร และบรรจบกับแม่น้ำมูลที่ จ.อุบลราชธานี ความยาวถึง 1,047 กิโลเมตร ตลอดลำน้ำมีแหล่งเก็บน้ำช่วยชะลอน้ำอยู่บ้าง แต่ไม่มากพอและหลายแห่งตื้นเขิน จึงต้องวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำตั้งแต่ต้นถึงปลายน้ำ เพื่อความมั่นคงในเรื่องน้ำให้ลุ่มน้ำชี” อธิบดีกรมชลประทานกล่าวในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี