20 สิงหาคม 2562 พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 ,พล.ต.ต.เทียนชัย คามะปะโส ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ,พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล ผกก.สภ.ชะอำ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุรถไฟขบวนธรรมดาที่255 ธนบุรี-หลังสวน ตกราง ขณะวิ่งออกไปจากสถานีรถไฟห้วยทรายใต้ อ.ชะอำ มุ่งหน้าสถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบฯ เหตุเกิดเมื่อเวลา12.30 น.วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา และการทางรถไฟ ซ่อมแซมรางพร้อมเปิดทางเดินรถสายใต้ได้เป็นปกติตั้งแต่เวลา 03.00 น. ของคืนวันที่ 19 สิงหาคม
พล.ต.ท.ธนา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ พร้อมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่การรถไฟ ตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า เครื่องยึดเหนี่ยวโค๊ตสกรู (ตะปูราง) และจานรองหมอน ถูกถอดหายไปจนทำให้รางรถไฟถ่างผิดรูปเป็นสาเหตุให้เกิดรถไฟตกราง
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนเบื้องต้นพบมีผู้นำเครื่องยึดเหนี่ยวโค๊ตสกรู (ตะปูราง) และจานรองราง ซึ้งเป็นเหล็ก ไปจำหน่ายที่ร้านรุ่งเจริญ 2 รับซื้อของเก่า เลขที่ 329/14 ริมถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพบจานรองหมอนรถไฟ จำนวน 25 แผ่น และเครื่องยึดเหนี่ยวโค๊ตสกรู (ตะปูราง) จำนวน 66 ตัวว่างปะปนอยู่ในกองเศษเหล็ก ที่เตรียมรอไว้จำหน่ายภายในร้านจึงควบคุมตัวนายศุภชัย ผาดศรี อายุ 23 ปี (เสื้อสีชมพู) เจ้าของร้านทำการสอบสวน
ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านพบเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ ขับรถยนต์กระบะสีบอร์นทอง ตอนเดียว ยี่ห้อ นิสสัน รุ่นบิ๊กเอ็มหมายเลขทะเบียน บธ-5468 เพชรบุรีสภาพเก่า นำอุปกรณ์ทั้งหมดเข้ามาขาย โดยตนรับซื้อไว้โดยไม่คิดว่าเป็นทรัพย์สินของการรถไฟ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา นายศุภชัย ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และรับของโจร แต่นายศุภชัย ให้การภาคเสธ
เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลจากภาพวงจรปิด และติดตามจับกุมนายสมปอง คล้ายคลึง (เสื้อเชิ้ตลายสก๊อต) อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/1 ถ.บ้านชะอำ 1/1 ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องสงสัยที่ปรากฎในภาพมาสอบสวน เบื้องต้นนายสมปองรับว่าบุคคลในภาพคือตนเอง วันเกิดเหตุตนเลี้ยงวัวอยู่บริเวณใกล้เคียง และพบเห็นอุปกรณ์ดังกล่าวกองอยู่ จึงไปขอยืมรถกระบะจากน้องชายมาและขนอุปกรณืดังกล่าวไปจำหน่ายร้านขายของเก่าได้เงินกว่า 1,000 บาท พร้อมให้การปฎิเสธว่าไม่ได้ลงมืองัดแงะ แผ่นเหล็กรองรางและหมุดยึดรางรถไฟ
หลังการแถลงข่าว พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7,พล.ต.ต.เทียนชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ,พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.อ.ภคิน ผกก.สภ.ชะอำ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุลักทรัพย์ ไม่ได้เป็นการก่อวินาศกรรมอย่างที่หลายคนเป็นห่วง อย่างไรก็ตามกรณีการขโมยอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางรถไฟดังกล่าวเป็นเหตุที่อาจก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงซึ่งอาจส่งผลทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ขอเตือนอย่าได้กระทำเป็นเยี่ยงอย่างเป็นอันขาด
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบมีจุดที่ถูกลักลอบถอดอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางรถไฟดังกล่าวจำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดแรกคือบริเวณ หลัก กม.การรถไฟที่ 204/9-10 ห้วยทรายใต้ อ.ชะอำ ระยะทางประมาณ 1 กม. (สถานที่เกิดเหตุรถไฟตกราง) เครื่องยึดเหนี่ยวโค๊ตสกรู (ตะปูราง) จำนวน 358 ตัว จานรองหมอน จำนวน 40 แผ่น ถูกถอดหายไป หลังเกิดเหตุรถไฟตกรางหมอนคอนกรีตเสียหาย จำนวน 340 ท่อน ความเสียหายของทางยาวประมาณ 400 เมตร, จุดที่ 2 บริเวณ หลัก กม.การรถไฟที่ 210/ 6-7 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หมอนคอนกรีตจำนวน 23 ท่อน จานรองรางจำนวน 3 แผ่นเครื่องยึดเหนี่ยวโค๊ตสกรู (ตะปูราง) จำนวน 84 ตัว ถูกถอดหายไป,จุดที่ 3 บริเวณ หลัก กม.การรถไฟที่ สทร 209/ 9-10 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์จานรองรางจำนวน 16 แผ่นเครื่องยึดเหนี่ยวโค๊ตสกรู (ตะปูราง)จำนวน 64 ตัวถูกถอดหายไป โดยจุดที่เสียหายทั้งหมด การทางรถไฟได้ดำเนินการซ่อมแซมทั้งหมดและเปิดให้ใช้งานได้ตามปกติแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์แก่นายสมปอง และแจ้งข้อหารับซื้อของโจรกับนายศุภชัย จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี