เมื่อปี่กลองทางการเมืองเริ่มต้น เส้นทางการแสวงหาผลประโยชน์จากเกษตรกรก็เริ่มต้นเช่นกัน ผมพยายามทำความเข้าใจว่าเพราะบริบทของสังคมแบบไทยๆ เป็นเช่นนี้เอง เกษตรกรไทยจึงคุ้นเคยกับการเป็นผู้ร้องขอ คุ้นเคยกับการเป็นผู้รับ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใดๆ ของตน เพราะยังเชื่อว่าทำการเกษตรไปเถอะ อย่างน้อยก็มีกิน หากมีปัญหาเดี๋ยวก็มีคนมาช่วย เมื่อเริ่มต้นวิธีการคิดแบบนี้ ผลที่ออกมาจึงเป็นอย่างที่เห็น
สำหรับส่วนราชการเองก็คุ้นเคยกับการเป็นฝ่ายที่คิดเอง ทำเอง ตัดสินใจเอง จนบางทีก็ลืมคิดไปว่าปัจจัยแวดล้อมที่ราชการคิดกับปัจจัยแวดล้อมของเกษตรกรไม่เหมือนกัน ผมเจอปัญหากับตัวเอง เมื่อมีโอกาสคุยกับเกษตรกรหลายคน เคยถามเกษตรกรว่าทำไมไม่ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตให้เป็นแบบที่ทางราชการแนะนำ คำตอบที่ตอบมาตรงๆ คือ ทำไม่ได้หรอก ไม่ได้มีโน่นนี่นั้นเหมือนราชการมี จนบางครั้งต้องกลับมาคิดใหม่ว่า วิธีการคิดและการทำงานของส่วนราชการทำให้เกษตรกรอ่อนแอจริงหรือเปล่า เป็นการทำงานที่ส่งเสริมให้เกษตรกรกลายเป็นผู้ร้องขอ ด้วยการตอกย้ำลงไปว่า เกษตรกรคือกลุ่มคนที่สังคมไทยต้องให้ความช่วยเหลือ เกษตรกรคือกลุ่มคนที่อ่อนแอในสังคมยุคปัจจุบัน การพูดซ้ำๆ สื่อออกไปซ้ำๆ ส่งผลให้เกษตรกรส่วนใหญ่เชื่อและเข้าใจไปโดยอัตโนมัติว่าตนเองคือกลุ่มคนที่อ่อนแอ และผู้คนในสังคมต้องให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด
ผมไม่ปฏิเสธว่ายังมีเกษตรกรบางส่วนที่ไม่พร้อมจะปรับตัวเข้าสู่ระบบการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งเป็นระบบการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เกษตรกรกลุ่มนี้ยังคิดแบบเดิมๆ และทำแบบเดิมๆ ผลที่ได้จึงออกมาแบบเดิม ได้แต่อาศัยโชคชะตาช่วยให้ผ่านพ้นไปในแต่ละฤดูกาลผลิต และเช่นกันยังมีเกษตรกรอีกกลุ่มใหญ่ที่ก้าวพ้นวังวนของการร้องขอ มาสู่การเป็นผู้ประกอบการทางเกษตรแบบมืออาชีพ เกษตรกรกลุ่มนี้ มักมีวิถีของตนเอง มีแนวคิดและวิธีคิดที่แตกต่างไปจากเกษตรกรกลุ่มเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการผลิตล่วงหน้า การวางแผนการตลาด การเพิ่มมูลค่าของผลผลิต และการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบการผลิตของตนเอง เพื่อให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในฤดูกาลผลิตนั้นๆ เกษตรกรกลุ่มนี้จึงเป็นเกษตรกรที่สามารถลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามในสังคม โดยไม่ต้องร้องขอใดๆ จากส่วนราชการ หรือการร้องขอผ่านกลุ่มคนใด ขอเพียงแต่ให้ส่วนราชการอำนวยความสะดวกตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น
จุดเปลี่ยนของวิธีคิดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทั้งส่วนราชการและตัวเกษตรกรเอง ถ้าอยากเห็นว่าการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากส่วนราชการลงไปยังตัวเกษตรกรด้วยวิธีการแบบเกษตรกรทำเองภายใต้ปัจจัยแวดล้อมของตัวเกษตรกรที่แท้จริง สามารถเข้าไปศึกษาและเรียนรู้ได้ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หรือ ศพก. ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นเจ้าภาพหลัก และหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมดำเนินการ เป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรที่ดำเนินการในพื้นที่และจัดการโดยตัวเกษตรกรเอง ส่วนราชการเข้าไปมีบทบาทเฉพาะในส่วนของการเสริมสร้างองค์ความรู้ตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานเท่านั้น ตัวอย่างของการถ่ายทอดเทคโนโลยีในลักษณะเช่นนี้ ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างส่วนราชการกับเกษตรกรโดยตรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อส่วนราชการที่สามารถทราบประเด็นปัญหาที่แท้จริงในการนำเทคโนโลยีลงสู่พื้นที่เกษตรกร ปัญหาการบริหารจัดการในสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้ วิธีคิด วิธีการแก้ปัญหา และเกษตรกรเองจะได้มีโอกาสพัฒนาระบบการผลิตของตนเองให้ก้าวผ่านจากเกษตรกรผู้ร้องขอ กลายเป็นเกษตรกรผู้ให้และตอบแทนต่อสังคม อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างให้กับเกษตรกรอีกกลุ่มได้หันกลับมาพิจารณาวิธีการของตนเอง เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยน สร้างความเชื่อที่ว่าเมื่อเพื่อนทำได้ เราก็ต้องทำได้เช่นกันผมจึงมีความหวังเสมอว่าเกษตรกรผู้ให้จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นกว่าเกษตรกรผู้ร้องขอในสักวัน
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี