รมว.เกษตรฯร่วมถกมหาดไทย กระทรวงทรัพย์ฯ รับมือสภาวะน้ำน้อยสุด ผนึกกำลังทุกหน่วย วางแผนเผชิญเหตุแก้ไขภัยแล้งยาวนาน
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมเตรียมการแก้ไขปัญหาภัยแล้งว่ากระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามสถานการณ์น้ำและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมุ่งเน้นการวางแผนเผชิญเหตุและแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับการจัดสรรน้ำอุปโภคบริโภคถึงระดับครัวเรือนการเชื่อมโยงการบริหารจัดการการน้ำในแต่ละลุ่มน้ำ การดูแลแหล่งกักเก็บน้ำในระดับหมู่บ้าน ทั้งการขุดลอกคูคลองและสระน้ำ การกำจัดวัชพืช และโคลนตมในคลองส่งน้ำการจัดหาภาชนะกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ประจำครัวเรือน รวมถึงการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯโดยกรมชลประทาน ได้รายงานการคาดการณ์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 412 แห่งในช่วงฤดูฝน 2562 โดยได้คาดการณ์จาก Inflow น้ำไหลเข้าของปี 2558 ซึ่งมีปริมาณน้ำใกล้เคียงกับปัจจุบันว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 จะมีปริมาณน้ำใช้การได้ 19,342 ล้านลบ.ม. หรือ 41% ซึ่งมีปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่าปี 2561 จำนวน 13,052 ล้านลบ.ม. และจากการณ์คาดการณ์ปริมาณน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลักได้แก่เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณ 4,149 ล้านลบ.ม. สำหรับการคาดการณ์ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีปริมาณน้ำใช้การณ์1,923.22 ล้านลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม ได้มีมาตรการและการวางแผนการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2562/63 กรณีสถานการณ์น้ำน้อยที่สุดให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนตามลำดับความสำคัญของกิจกรรมการใช้น้ำ ได้แก่ 1) การจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคฤดูแล้ง 2) การจัดสรรน้ำเพื่อการรักษาระบบนิเวศฤดูแล้ง 3) การสำรองน้ำไว้สำหรับการใช้น้ำในช่วงต้นฤดูฝนเพื่ออุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศเดือนพฤษภาคม- กรกฎาคม 4) การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรกรรม และ 5) การจัดสรรน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม
สำหรับฤดูแล้งปี 2562/63 (เดือนพฤศจิกายน 2562 - เมษายน 2563) ปริมาณน้ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่จัดสรรให้กับทั้ง 3 กิจกรรมหลักคืออุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศและอื่นๆ และเกษตรต่อเนื่องอ้อย และอื่นๆวันละ 18 ล้านลบ.ม. ไม่เพียงพอที่จะจัดสรรน้ำให้ใช้เพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จึงจำเป็นต้องงดส่งน้ำเพื่อปลูกข้าวนาปรังในลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูแล้งนี้ การจัดสรรน้ำจึงจำเป็นต้องพิจารณาความต้องการปริมาณน้ำต่ำสุดในกิจกรรมการใช้น้ำประเภทต่างๆ และควบคุมการระบายน้ำให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดคือวันละ 18 ล้านลบ.ม. ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการควบคุมติดตามให้เป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้และสามารถทำให้มีน้ำใช้ในกิจกรรมที่จำเป็นได้ตลอดจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563
ทั้งนี้ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถส่งน้ำเพาะปลูกข้าวนาปรังฤดูแล้งได้มีทั้งหมด 18 เขื่อนคือ ภาคเหนือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์เขื่อนแควน้อยฯ เขื่อนแม่งัดฯ เขื่อนแม่กวงฯ เขื่อนกิ่วคอหมา และเขื่อนแม่มอก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนลำปาว เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแซะ และเขื่อนลำนางรอง ภาคกลาง เขื่อนกระเสียว เขื่อนทับเสลา และเขื่อนป่าสักฯ
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯมีกรอบมาตรการในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งปี2562/63 ได้แก่ 1) การจ้างแรงงานชลประทาน 2) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ เช่น การปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้งสร้างการรับรู้ผ่านสื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำแนวทางการบริหารจัดการน้ำการช่วยเหลือการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักคิดในการการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย และ3) การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเช่นร่วมกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตรในการปฏิบัติการฝนหลวงและสนับสนุนรถบรรทุกน้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี