จี้ผวจ.แก้แล้ง
ทุ่ม1.5หมื่นล.แจกทุกจว.
มท.1 จี้ผู้ว่าฯเร่งแก้แล้งให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด กำชับน้อมนำแนวทาง ร.9-ร.10 ไปแก้ปัญหา เผยรบ.ทุ่มงบ 1.5 หมื่นล้าน ให้ทุกจังหวัด นำไปสะสาง ด้านพิจิตรประกาศเขตพิบัติภัยแล้ง2อำเภอ ไม่มีประปาใช้นับเดือน เหตุแหล่งน้ำดิบผลิตประปาแห้งขอด ฝนทิ้งช่วง
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดเข้ารับฟังแนวนโยบาย โดยประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดด้วย
บิ๊กป้อมมอบนโยบายให้ผู้ว่าฯ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้กล่าวมอบนโยบายรัฐบาล 7 ด้าน ได้แก่ 1.ให้พิจารณาต่อยอดการดําเนินการของจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ให้เป็นแบบอย่างการบําเพ็ญสาธารณประโยชน์ ธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ให้ถือเป็นภารกิจหลักที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องขับเคลื่อนทุกพื้นที่ อย่างจริงจังต่อเนื่อง 2.ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ขอให้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงาน แนวพระราชดำริ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งถือเป็นต้นแบบความสำเร็จมาเป็นแนวทางดำเนินงาน
3.ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญกับการบูรณาการระดับพื้นที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนภารกิจสำคัญไปสู่การปฏิบัติ เช่น พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การบริหารจัดการขยะมูลฝอย การแก้ปัญหาน้ำเสีย ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ เป็นแกนกลางบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
4.การบริหารจัดการสาธารณภัย ให้ผู้ว่าฯและนายอำเภอ เป็นหลักในการอำนวยการและบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อเข้าระงับเหตุในพื้นที่ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมจัดให้มีโรงครัวพระราชทาน และเร่งรัดให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบตามกฎหมาย 5.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ขอให้บูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายจริงจังในพื้นที่ ให้ดำเนินการกับผู้ทำผิดอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทำผิด 6.พัฒนาการบริการของศูนย์ดำรงธรรม ให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มุ่งเน้นประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง และ 7.ให้ใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทย ประชาสัมพันธ์ผลดำเนินงานสำคัญของรัฐบาลและส่วนราชการ และประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงต่อประชาชน เพื่อป้องกันแก้ปัญหาข่าวปลอม
ย้ำรับสั่งร.10ให้ผู้ว่าฯดูแลปชช.
ด้านพล.อ.อนุพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยจะรับแนวทางของพล.อ.ประวิตร ไปปฏิบัติด้วยความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ซึ่งตนมีเรื่องเร่งด่วนแจ้งให้ผู้ว่าฯทราบ โดยเฉพาะการป้องกันแก้ปัญหาภัยแล้ง ขอเน้นย้ำให้ยึดแนวทางพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด ให้ดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ดำเนินการที่ดีไม่มีการสูญเสีย ต้องไม่ให้ประชาชนอดอยาก โดยพระราชทานโรงครัวพระราชทาน ดังนั้น ให้ผู้ว่าฯดำเนินการทันที รวมถึงบูรณาการร่วมกับโครงการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. และน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับความเหมาะสมพื้นที่ เน้นการวางแผนเผชิญเหตุและแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน
“ในการประชุมแก้ปัญหาภัยแล้งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งเพิ่มเติม ดังนี้ 1.ให้ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง 2.คิดและปรับแนวทาง แผนการปฏิบัติ และแผนเผชิญเหตุ ทั้งในภาพรวม และเหตุที่เกิดขึ้น 3.รวบรวมความเสียหาย ประมาณการณ์ ต่อยอด เตรียมแก้ปัญหาสิ่งใหม่ และสิ่งที่ยังไม่ได้ทำให้เรียบร้อย” รมว.มหาดไทย กล่าว
ทุ่ม1.5หมื่นล.ให้จว.แก้ปัญหา
พล.อ.อนุพงษ์ยังกล่าวสรุปสถานการณ์ลมฟ้าอากาศ และภัยแล้งว่า ประเทศไทยต่อจากนี้จะมีฝนน้อย ความชื้นน้อย น้ำมีน้อยทั้งช่วงนี้และห้วงต่อไป ขณะที่ปริมาณน้ำมีน้อยกว่าปกติมาก และจะกระทบภัยแล้งมาก ส่วนเขื่อนใหญ่ประมาณ 30 เขื่อน จะมี 19 เขื่อนมีน้ำต่ำกว่า 30% ด้านเขื่อนขนาดกลางทั่วประเทศประมาณ 400 เขื่อน จะมี 190 เขื่อนมีน้ำน้อยกว่า 30% เช่นกัน ซึ่งน่าจะประสบปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำด้านการเกษตร และระบบนิเวศ
“สำหรับการปฏิบัติในการป้องกันและแก้ปัญหาภัยแล้งเร่งด่วน รัฐบาลมอบงบประมาณไปยังทุกจังหวัด ที่ได้ผ่านมติครม.เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา 15,800 ล้านบาท โดยแต่ละจังหวัดได้รับงบฯจังหวัดละ 200ล้านบาท ส่วน จ.สุรินทร์และจ.บุรีรัมย์ ได้รับงบฯจังหวัดละ 500 ล้านบาท เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนสูง และต้องการพัฒนาแหล่งน้ำ น้ำอุปโภค บริโภคเร่งด่วน โดยงบฯดังกล่าวห้ามนำไปใช้ซื้อครุภัณฑ์ การจัดประชุมสัมมนา การเบิกจ่ายค่าสาธารณูปโภค เบี้ยเลี้ยง ค่าเกินเวลา และค่าเดินทางราชการ โดยให้เป็นไปตามหลักกฎหมายของสำนักงบประมาณ” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
พิจิตรประกาศ2อ.พิบัติภัยแล้ง
ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง อย่างที่จ.พิจิตร พื้นที่ 12 อำเภอได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงนาน อย่างที่อ.วังทรายพูน สระน้ำเนื้อที่ กว่า 5 ไร่ ของชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลหนองปล้อง อำเภอวังทรายพูน แหล่งน้ำดิบผลิตประปาของหมู่บ้านแห้งขอด ทำให้ไม่มีน้ำผลิตประปา ชาวบ้าน 80 หลังคาเรือน ขาดน้ำอุปโภค นานเกือบ 2 เดือน ทำให้ชาวบ้านต้องนำนำน้ำสำรองที่เก็บไว้ในโอ่งยักษ์มาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าหลังจากนี้ฝนยังไม่ตกหรือยังไม่มีน้ำมาเพิ่ม น้ำสำรองหมด ชาวบ้านจะไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ในครัวเรือนแน่นอน ขณะที่ปลัดอำเภอวังทรายพูน และเทศบาลตำบลหนองปล้อง พร้อมผู้นำหมู่บ้านเข้าแก้ปัญหา โดยต่อระบบน้ำจากสระน้ำ ในพื้นที่หมู่ 7 ระยะทาง 500 เมตร มาเติมน้ำเข้าสู่ระบบประปาของหมู่บ้าน หมู่ที่ 1 เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำ ก่อนหาแนวทางแก้ปัญหาระยะยาว ด้านสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยพิจิตรลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมประกาศพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ฝนแล้ง 2 อำเภอ ที่เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน และ เป็นพื้นที่สูงคือ อ.ดงเจริญ และอ.ทับคล้อ รวม 9 ตำบล 110 หมู่บ้าน 6745 ครัวเรือน พืชผลการเกษตรเสียหาย 107,784 ไร่ เพื่อนำงบประมาณ ตามระเบียบการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ปภ.เร่งช่วย15จว.ฝนถล่มหนัก
ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงสรุปสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วมจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้บริเวณฃทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมถึงปัจจุบัน ทำให้เกิด น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบ 15 จังหวัด ได้แก่ สตูล ตราด ปัตตานี กาญจนบุรี อุดรธานี ตรัง นครนายก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ แพร่ พะเยา ระนอง อุบลราชธานี หนองคาย และน่าน รวม 45 อำเภอ 93 ตำบล 162 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 694 หลัง โรงเรียน 2 แห่ง เรือ 2 ลำ วัด 1 แห่ง ผู้บาดเจ็บ 3 ราย (สตูล 2 ราย แม่ฮ่องสอน 1 ราย) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ในจ.หนองคาย ที่เกิดฝนตกหนัก เกิดน้ำป่าไหลหลากใน 2 อำเภอ แต่ไม่มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
หนองคายปิดศูนย์เด็กเล็กหนีท่วม
นายชัยบัญชา ศรีมงคล นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลกองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ฝนตกหนักในต.องนาง จนเกิดน้ำท่วมขังระบายไม่ทัน มีบ้านเรือนประชาชนเดือนร้อนถูกน้ำท่วมขัง 23 หลัง และยังพบมีน้ำท่วมทางสัญจรตามซอกซอยในหมู่บ้านบางจุดเท่านั้น ซึ่งการสัญจรยังสามารถเดินทางไปมาได้ด้วยความลำบาก นอกจากนี้ ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เทศบาลตำบลกองนาง ถูกน้ำท่วมขัง สูงประมาณ 20 เซนติเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ โดยศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประกาศปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม และจะเปิดเรียนอีกครั้งวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม นอกจากนี้ ยังพบว่า ที่ตลาดสดเทศบาล ต.กองนางก็ถูกน้ำฝนท่วมขังเสียหายพ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถเปิดขายของได้ ทั้งนี้ สาเหตุที่น้ำท่วมเป็นวงกว้าง เนื่องจากมีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งการระบายน้ำเป็นไปอย่างช้าๆเนื่องจากในพื้นที่มีการก่อสร้างถนนบางจุดปิดช่องทางน้ำที่จะไหลลงสู่ลำห้วยสาธารณะ เทศบาลฯได้นำเครื่องจักรกลหนักมาช่วยขุดดินเพื่อเปิดทางระบายน้ำที่ท่วมขังออกลงสู่ลำห้วยและลงสู่แม่น้ำโขง เพื่อลดความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี