สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปพบกับพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดเพชรบุรี นับเป็นโอกาสอันดีที่ได้นั่งรับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องเกษตรกรตัวจริงเสียงจริง ทำให้ได้รับทราบประเด็นปัญหาและแนวคิดของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ รวมถึงเป็นโอกาสที่จะถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องระหว่างกัน ในช่วงที่ข่าวลวงเฟื่องฟู เรื่องบางเรื่องภาครัฐลงมือทำไปไกลแล้ว แต่พี่น้องยังไม่ได้รับรู้รับทราบ รอยต่อที่ว่านี้ยังต้องหาวิธีการเชื่อมให้สนิทมากยิ่งขึ้น ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน มองกันอยู่คนละมุม จึงยังมาเชื่อมกันไม่ได้สักที
วันนั้นประเด็นการทำนาเกลือ ถูกหยิบยกขึ้นมา พูดคุยกัน หลังจากที่ชาวนาเกลือเข้ามาอูยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี 2554 โดยก่อนหน้านั้นการทำนาเกลือไม่จัดว่าเป็นกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม ทำให้ผู้ที่ทำนาเกลือตกหล่นไปจากนโยบายความช่วยเหลือภาคการเกษตร ไม่มีหน่วยงานใดกำกับดูแลอย่างเป็นกิจจะลักษณะหลังจากมาอยู่ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว ก็ยังคงมีประเด็นปัญหา เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะอยู่ภายใต้หน่วยงานใดในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กิจกรรมการทำนาเกลือ ไม่ใช่การปลูกพืช ไม่ใช่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และไม่ใช่กิจกรรมทางด้านปศุสัตว์ มองไปมองมา การทำนาเกลือสามารถดำเนินการในลักษณะของกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์ได้ชาวนาเกลือจึงเข้ามาสู่การกำกับดูแลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ด้วยเหตุดังกล่าว เรียกได้ว่ามาอยู่ด้วยกันไปก่อน
การเข้ามารวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ในระยะก่อตั้ง ทำให้กิจกรรมต่างๆ ของสหกรณ์เหล่านี้ ยังไม่ราบรื่นเท่าที่ควร มาตรการต่างๆ ที่รัฐกำหนดเงื่อนไขในการช่วยเหลือ สหกรณ์ชาวนาเกลือเหล่านี้จึงไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของทุน การจัดการสินค้า หรือแม้แต่ปัญหาด้านราคา รวมถึงการสนับสนุนต่างๆ ที่ต้องมีเงื่อนไขเฉพาะด้าน
ผู้คนภายนอกอาจมองว่าการทำนาเกลือไม่น่าจะมีปัญหามากนัก เป็นเพียงการนำน้ำทะเลมาทำให้แห้ง เพื่อให้ได้เกลือ แต่ความเป็นจริงแล้ว เรื่องมันไม่ได้ง่ายเลย ในวันนั้นชาวนาเกลือจังหวัดเพชรบุรีเสนอมา 2ประเด็น ซึ่งผมฟังแล้วเห็นว่าน่าสนใจมากประเด็นแรก คือ มีการนำเข้าเกลือทะเลจากอินเดียมาขายในราคาที่ถูกมาก กิโลกรัมหนึ่งไม่ถึงบาท เป็นราคาที่ถูกแบบเหลือเชื่อ ใน
ขณะที่ราคาเกลือที่เพชรบุรีตกราคากิโลกรัมละ 2-3บาท ไม่รวมค่าขนส่ง แค่ต้นทุนการขนส่งจากกรุงเทพฯ ไปถึงเชียงใหม่ก็อยู่ราว 90 สตางค์แล้วมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่หรือไม่ เป็นประเด็นที่ชาวนาเกลือไม่เข้าใจ ทำไมราคาเกลือนำเข้าถึงถูกมากประเด็นที่ 2 การเติมไอโอดีน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เกลือบริโภคต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 20 มิลลิกรัม และไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อเกลือบริโภค 1 กิโลกรัม โดยชาวนาเกลือกลุ่มนี้ เล่าว่า หากเป็นเกลือสินเธาว์ที่เรียกกันว่า หินเค็ม จะให้เติมไอโอดีนเข้าไปเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่สำหรับเกลือทะเลซึ่งมีไอโอดีนอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว รวมถึงธาตุอาหารที่มีคุณค่ามากกว่า 84 ชนิด ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเติมไอโอดีนลงไปอีก และผู้บริโภคอาหารทะเลก็ได้รับไอโอดีนอีกทางหนึ่งแล้ว รวมถึงเกลือทะเลมีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการบริโภคด้วย ดังนั้น จึงมีข้อเสนอเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคว่า ถ้าเป็นเกลือสินเธาว์ ให้เติมไอโอดีนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ส่วนเกลือทะเล จะเติมไอโอดีนหรือไม่เติมก็ได้ โดยให้ผู้บริโภคเป็นคนเลือกเองให้เหมาะสมกับอาหารที่ผู้บริโภครับประทาน หรือนำไปใช้ในทางอุตสาหกรรมก็ว่ากันไป สำหรับการนำเข้าเกลือจากอินเดีย ควรมีการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงให้มีความชัดเจน ระหว่างนี้ควรระงับการนำเข้าไว้ก่อน
เส้นทางสายเกลือ ระหว่างแม่กลองไปเพชรบุรี เริ่มเห็นการใช้พื้นที่ที่เปลี่ยนไป จำนวนพื้นที่การทำนาเกลือลดลง กลายเป็นโรงงานมากขึ้น พ่อค้าแม่ค้าขายเกลือริมถนน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า อาชีพการทำนาเกลือจะลดลงไปเรื่อยๆ สู้ราคาและต้นทุนไม่ไหว จึงมีชาวนาเกลือขายที่นาให้สร้างโรงงาน หมู่บ้านจัดสรร หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ราคาที่ดินย่านนี้ก็เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้เกลือทะเลไทยคงต้องสูญหายไปหมดในไม่ช้า เป็นประเด็นที่ชาวนาเกลือเป็นกังวลมาก เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว ไม่มีใครอยากขายที่นาของตน หากยังสามารถประกอบอาชีพทำนาเกลือให้สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ นอกจากนี้เกลือยังเป็นสินค้าเพื่อความมั่นคง ประเด็นการสูญสลายไปของอาชีพการทำนาเกลือจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลมิน้อย
ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้คนในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คิดกันอย่างไร ทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายการเมือง เพราะเข้าใจได้ว่าทุกคนคงสาละวนกับการทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายหลักที่ใช้หาเสียงยิ่งต้องเร่งให้เกิดผลโดยเร็ว แล้วประเทศชาติโดยรวมจะเป็นอย่างไร จะกลายเป็น 1 กระทรวง 4 นโยบายหรือไม่ ขออย่าปล่อยให้เกลือเป็นหนอนเลยครับสมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี