วันที่ 31 สิงหาคม 2562 จากการเปิดเผยของ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภูสาระ ผบช.ภ.9 ถึงความคืบหน้าของคดีปล้นทอง บริษัทสุธาดา กรุ๊ฟ จำกัด ที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ซึ่งคนร้ายได้ทองไป มูลค่า 49 ล้านบาท จากการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบด้วยนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้สามารถระบุตัวคนร้ายที่ชัดเจน 2 ราย คือ นายไซฟุดดิน หะยีปูเตะ และนายแวฮูเซ็ง ดือราเฮง โดยในวันที่ 3 ก.ย. ที่จะถึงนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพารมนกุล รอง ผบ.ตร. จะเดินทางมาที่ สภ.นาทวี เพื่อตรวจสอบหลักฐานเป็นครั้งสุดท้าย และดำเนินการขอหมายจับคนร้ายทั้ง 2 รายต่อศาล จ.นาทวี ยอมรับว่าคดีนี้ มีคนร้ายเป็นจำนวนมาก และมาจากหลายพื้นที่ ทั้ง จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา จึงต้องใช้เวลา ในการตรวจสอบ หลักฐาน ที่มีอยู่ และต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้มีน้ำหนักในการที่จะออกหมายจับ โดยมีการขยายผลเพิ่ม และหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อออกหมายจับอีก 5 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสืบสวนเชิงลึกของ ทีมสวนสอบระดับพระกาฬ ของ ตำรวจภาค 9 ซึ่งมีความชำนาญในเรื่องของ ขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดน พบว่าการปล้นร้านทองครั้งนี้ มีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา มีการเกี่ยวพันกับ ขบวนการค้ายาเสพติด จ.นราธิวาส ปัตตานี และ สงขลา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ สนับสนุนทางการเงินให้กับ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น และมีข้อมูลบางอย่างที่ชุดสืบสวนพบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ เสียผลประโยชน์บางอย่าง
จึงได้ขอความร่วมมือจาก แกนนำ ของ บีอาร์เอ็น ในประเทศมาเลเซีย เพื่อสั่งการให้ทีม”รวมดารา” ของ บีอาร์เอ็น ในพื้นที่ปล้นร้านทองดังกล่าว ไม่ใช่ บีอาร์เอ็นปล้นร้านทอง เพราะถูก เจ้าหน้าที่ จาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กดดัน ปิดล้อมพื้นที่จนต้องปล้นทองเพื่อหาทุน เพราะถ้าการกดดัน สมาชิก บีอาร์เอ็น ในพื้นที่ได้จริง บีอาร์เอ็น คงจะไม่สามารถจัดทีม “รวมดารา” เข้าปล้นได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญ หลังการปล้น จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยัง แกะรอย ของ โจรกลุ่มนี้ไม่พบว่า หลบหนีไปไหน และแม้จะส่งทีมสืบสวน ระดับพระกาฬ ลงแกะรอยทุกพื้นที่สงสัย ก็ยังไม่พบเบาะแส อย่างทองทั้งหมดที่ปล้นไป ถูกซ่อนไว้ที่ไหน
ในขณะที่รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคง พบเบาะแสว่า หลังการปล้นทองในวันที่เกิดเหตุ คนร้ายหรือ สมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนแบ่งกันหลบหนี 2 เส้นทาง กลุ่มหนึ่งหลบหนีไปกับรถยนต์ที่ไปรับ อีกกลุ่มหนึ่งนำทองทั้งหมด เดินทางด้วยรถ จยย. 3 คัน ใช้เส้นทางในหมู่บ้าน หลบหนีไปทาง ชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน ต.ประกอบ อ.นาทวี ซึ่งห่างจากที่ทิ้งรถตู้ที่ใช้ในการปล้น 35 กิโลเมตร ดังนั้น ทองทั้งหมด ขณะนี้เชื่อว่า อยู่ในประเทศมาเลเซีย และอาจจะมีการนำไป หลอมใหม่ เพื่อนำกลับมาขายในตลาดมืด ในภาคใต้ของไทย ซึ่งเป็นแหล่งรับซื้อทองหนีภาษี จากประเทศมาเลเซีย
อย่างไร ก็ตาม หน่วยข่าวความมั่นคง ได้มีการสืบสวน สอบสวน คดีปล้นทองนี้ในทางลึกอีกทางหนึ่ง เพราะพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ถ้าเกิดคดีวางเพลิง วางระเบิด หรือ ปล้นทรัพย์ จากผู้ประกอบการค้า มีระเบียบการเยียวยา ให้กับผู้เสียหาย ซึ่งในประเด็นนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องมีการตรวจสอบ ทรัพย์สิน หลายขันตอน แม้กระทั่ง เอกสารทุนการจดทะเบียน การเสียภาษี และ กำไร จากการประกอบธุรกิจในแต่ละปี
สำหรับ อีก 4 คน ที่เจ้าหน้าที่ยังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อการออกหมายจับ คือ พี่น้องคนดังในตระกูล”หลำโซ๊ะ” คือ นายบูคอรี นายซอซารี นายซอบรี ซึ่งเป็น 3 พี่น้อง ที่มีหมายจับ ป.วิอาญา และหมาย พรก. คนกละกว่า 10 หมาย และ นาย เจะอารง ซึ่งตรวจพบว่า เป็นคนในพื้นที่ อ.นาทวี เป็นหัวโจกคนสำคัญในคดีนี้ โดยเชื่อว่าน่าจะใช้เวลาอีก 5-6 วัน ในการ รวมรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับรอบที่ 2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี