สรุปสถานการณ์น้ำท่วม‘ร้อยเอ็ด’ พ่อเมืองสั่งตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 5 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจาก จ.ร้อยเอ็ด ว่า เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2562 นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด(ผวจ.ร้อยเอ็ด) พร้อมด้วยนายเลิศบุศย์ กองทอง รองผวจ.ร้อยเอ็ด , นายไพบูลย์ แน่นอุดร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเหนือเมือง ได้ระดมเครื่องสูบน้ำ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 6 ขอนแก่น สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 6 อุบลราชธานี และสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 4 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 นิ้ว จำนวน 5 ชุด และบุคลากร เพื่อติดตั้งตั้งในการระบายน้ำภายในพื้นที่วงแหวนรอบในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ในการเร่งระบายน้ำให้ลดปริมาณน้ำลงให้ประชาชนสามารถสัญจรใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ได้ติดตั้งที่ สี่แยกบายพาสเมืองสรวง เพื่อระบายน้ำไปยังคลองหนองหญ้าม้า จำนวน 1 ตัว ติดตั้งที่ บายพาสธวัชบุรี จำนวน 1 ตัว ระบายน้ำลงอ่างเก็บน้ำธวัชชัย ติดตั้งที่ บายพาสโพนทอง จำนวน 1 ตัว ระบายน้ำลงอ่างเก็บน้ำธวัชชัย และติดตั้งที่ ห้าแยก กกโพธิ์ พื้นที่ อบต.เหนือเมือง จำนวน 2 ตัว ระบายน้ำลงอ่างเก็บน้ำธวัชชัย เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่วงแหวนรอบในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ขณะเดียวกัน เนื่องจากช่วงกลางวันของวันที่ 31 สิงหาคม 2562 ระบบน้ำประปา จากการประปาส่วนภูมิภาคและไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้งดจ่ายทั้งน้ำทั้งไฟฟ้า เนื่องจากปริมาณน้ำในเขตเทศบาลมีความสูงจากพื้นถนน เกินกว่า 1 เมตรหลายจุด มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร เป็นอันตรายแก่ประชาชน แต่ในช่วงค่ำไฟฟ้าและประปา ก็จ่ายมาตามระบบให้บริการประชาชนได้ตามปกติ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา นายวันชัย เป็นประธานการประชุมร่วมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ห้องประชุมพระเวสสันดร ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด 

โดยนายเกรียงไกร จิตธรรม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด สรุปรายงานว่า สถานการณ์จังหวัดร้อยเอ็ดได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่จากลำน้ำยังเอ่อล้น เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2562 เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่าน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเล อันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง และได้รับอิทธิพลจาก พายุระดับ 3 (โซนร้อน) “โพดุล” เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและเกิดน้ำท่วมพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดปัจจุบันระดับน้ำยังคงทรงตัว

พื้นที่ประสบอุทกภัย (อุทกภัย) ในพื้นที่ 3 อำเภอ 11 ตำบล 37 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเสลภูมิ ต.ศรีวิลัย ต.ภูเงิน ต.เหล่าน้อย ต.วังหลวง ต.นาแซง  ต.โพธิ์ทอง   ต.บึงเกลือ , อำเภอโพธิ์ชัย ต.โพธิ์ศรี ต.คำพอุง และ ต.อัคคะคำ , อำเภอเมยวดี ได้แก่ ต.ชุมพร 

ความเสียหายเบื้องต้น  พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมขัง นาข้าว 3,990 ไร่ พืชสวน 120 ไร่  ถนน 5 สาย , สะพาน 1 แห่ง , พนังกั้นน้ำ 3 แห่ง   มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ  ขณะนี้ ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยฯ จังหวัดร้อยเอ็ด ประจำปี พ.ศ. 2562  ให้ทุกหน่วย ทุกอำเภอ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ โดยดำรงการสื่อสารตลอด 24 ชม. พร้อมวางระบบการสื่อสารในพื้นที่อำเภอและท้องถิ่น หมู่บ้าน ในการแจ้งข่าวสารทั้งสองทาง พร้อมปฏิบัติตามขั้นตอนตอบโต้ภัยตามแผนเผชิญเหตุ ตลอด 24 ชม. เตรียมรับมือพายุโซนร้อน “โพดุล” ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2562 ให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงเคยน้ำท่วม ระมัดระวังเรื่องการจมน้ำของเด็กและประชาชน รวมทั้งระวังไฟฟ้าช็อตด้วย

สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบ  ลุ่มน้ำยัง ได้เอ่อล้นเข้าท่วมฉับพลันในพื้นที่อำเภอโพนทอง และอำเภอเสลภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เทศบาลตำบลโพนทอง ทำให้น้ำล้นท่วมพื้นที่โรงเรียนอนุบาลโพนทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร ทำให้รถรับส่งนักเรียนไม่สามารถเข้าไปรับนักเรียนในโรงเรียนได้ ซึ่งมีนักเรียน จำนวน 1,700 คน ขณะนี้ได้อพยพนักเรียนออกมาได้อย่างปลอดภัยครบทุกคนแล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันอำเภอโพนทองสถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

สถานการณ์ในพื้นที่อำเภอเมืองร้อยเอ็ด น้ำเอ่อล้นท่วมถนนหลายสายในเขตอำเภอเมืองร้อยเอ็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ถนนหน้าเรือนจำ และถนนในเขตเทศบาลเมืองหลายแห่ง รวมทั้งพื้นที่ อบต.เหนือเมืองบางส่วน  สถานการณ์ลำน้ำยัง อำเภอเสลภูมิ ขณะนี้มีระดับน้ำสูงกว่าคันพนังกั้นน้ำและเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรบางส่วน ขณะนี้คันพนังกั้นน้ำขาดหลายจุด มีนายอำเภอเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เส้นทางการจราจร จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับผลกระทบน้ำท่วมสูงในเส้นทางการจราจร ซึ่งแขวงทางหลวงร้อยเอ็ด แขวงทางหลวงชนบทร้อยเอ็ด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้เส้นทาง รวมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด