สืบเนื่องจากเรื่องเล่าของชาวนาเกลือ มาสู่เรื่องราวของแปลงใหญ่โคเนื้อเพชรบุรี ระหว่างที่พูดคุยกันกับกลุ่มเกษตรกรชาวนาเกลือ อาชีพที่เหลือน้อยลงไปทุกปี กลุ่มแปลงใหญ่โคเนื้อเพชรบุรีได้เปิดประเด็นปัญหาของกลุ่มตัวเองและวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน พอได้ฟังเรื่องราวของแปลงใหญ่โคเนื้อแล้ว ผมอยากขยายเรื่องราวเหล่านี้ให้เกษตรกรกลุ่มอื่นๆ ได้คิดต่อ เผื่อจะได้ไปต่อกัน
แนวคิดในการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เกิดขึ้นในยุคที่นายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ต่อเนื่องกับยุคของพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลักคิดของแปลงใหญ่เป็นหลักคิดเดียวกับหลักของสหกรณ์ แต่ยังไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ชัดเจนเหมือนกับสหกรณ์ที่มีกฎหมายมารองรับชัดเจน ลักษณะเป็นระบบส่งเสริมการเกษตรที่ยึดพื้นที่เป็นหลัก(area-based approach) ดำเนินงานในลักษณะบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีผู้จัดการแปลงเป็นผู้บริหารจัดการในทุกกิจกรรมตลอด supply chain ด้วยการสนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มทำการผลิต การบริหารจัดการร่วมกันและรวมกันจำหน่ายโดยมีตลาดรองรับที่แน่นอนสามารถลดต้นทุนการผลิตผลผลิตเพิ่มขึ้น และมีคุณภาพได้มาตรฐาน รวมถึงเกษตรกรสามารถเป็นผู้จัดการ บริหารจัดการการผลิต ผลผลิต และการตลาดได้
สำหรับแปลงใหญ่โคเนื้อในจังหวัดเพชรบุรี กรมปศุสัตว์เป็นผู้ส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มแปลงใหญ่นี้ให้มีความเข้มแข็ง โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อได้รวมตัวกันพัฒนาการผลิต ในลักษณะโคเนื้อครบวงจรในรูปแบบเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเห็นว่าการพัฒนาโคเนื้อแบบครบวงจรจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ต้นทาง คือ พ่อแม่พันธุ์ กลางทาง คือ โคขุน และปลายทาง คือ เนื้อโคขุน การจะทำให้วงจรของโคเนื้อหมุนไปและสามารถเจริญเติบโตได้ การกระจายผลประโยชน์ต้องทั่วถึง ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวงจรนี้ต้องอยู่ได้ เป็นหลักคิดที่น่าชื่นชมมาก
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ แปลงใหญ่โคเนื้อเพชรบุรี ไม่ได้มองแค่ผลิตเนื้อคุณภาพเท่านั้น แต่ยังมองไปที่การเพิ่มมูลค่าของผลผลิต ด้วยการแปรรูปเป็นมัสมั่นกระป๋อง ภายใต้ความร่วมมือของโรงงานผลิตอาหารกระป๋องที่มีมาตรฐานในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร การคัดเกรดของเนื้อเพื่อผลิตส่งไปยังตลาดต่างๆ ตามความต้องการที่ชัดเจน โดยเนื้อคุณภาพสูงจะจำหน่ายไปยังโรงแรม/ภัตตาคารต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อทำเป็นเนื้อสเต๊ก โดยมีแปลงใหญ่ผักร่วมด้วย กลายเป็นจานสเต๊กที่สมบูรณ์แบบ ส่วนเนื้อที่คุณภาพรองลงมาจะจำหน่ายไปอีกตลาดหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับกลุ่มแปรรูปอาหารฮาลาล แปรรูปเป็นอาหารฮาลาลรูปแบบต่างๆ ทำให้การผลิตและจำหน่ายมีความครบวงจรอย่างแท้จริงเป็นการกระจายรายได้ กระจายผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นร่วมกัน ไม่ใช่ผลประโยชน์ตกอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เมื่อทุกคนในวงจรการผลิตโคเนื้อสามารถอยู่ได้ สังคมของโคเนื้อก็สามารถเติบโตไปได้เช่นกัน
หลักคิดการกระจายผลประโยชน์ร่วมกันและหลักคิดการผลิตแบบครบวงจร เป็นหลักคิดที่ผมอยากเห็นเกษตรกรทุกคนนำไปคิด เพื่อพัฒนาและต่อยอดกิจกรรมทางการเกษตรของตนเองให้มีความเข้มแข็ง หากไม่สามารถคิดคนเดียวได้ ต้องมารวมตัวกันช่วยคิด โบราณว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียว ยิ่งกิจกรรมทางการเกษตรด้วยแล้ว เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆ เป็นจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับหลายๆ ฝ่าย การจับมือกันให้ครบวงจร ตลอดห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ย่อมสามารถผลักดันกันและกันไปสู่จุดหมายได้ง่ายขึ้น
ส่วนตัวผมเอง ยังหวังต่อไปว่าแปลงใหญ่โคเนื้อเพชรบุรีจะสามารถพัฒนาตนเองให้เติบโตต่อไป สามารถที่จะผลักดันเมืองเพชรบุรีให้เป็นเมืองคาวบอยตะวันตก สร้างอัตลักษณ์ของตนเองขึ้นมาให้โดดเด่นมากกว่าที่เป็นอยู่ คิดได้ขนาดนี้ ไปต่อได้แน่นอน ติดตามและเป็นกำลังใจครับ
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี