เรือผลักดันน้ำกองทัพเรือเดินทางถึงสกลนครแล้วพร้อมเดินเครื่องเร่งระบายน้ำจากหนองหาร ลงสู่แม่น้ำโขง
วันที่ 6 กันยายน 2562 ตามที่ พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ จัดเรือผลักดันน้ำจำนวน 25 ลำ เดินทางไปทำการผลักดันน้ำในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ตามที่ได้รับการร้องขอจาก นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครในการเร่งระบายน้ำจากหนองหารซึ่งมีระดับน้ำสูงอันเป็นผลกระทบจากร่องมรสุมที่พาดผ่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวมถึง พายุดีเปรสชันคาจิกิ โดยปัจจุบันระดับน้ำที่หนองหาร มีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่สถานการณ์จะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการคลองระบายน้ำจากหนองหารลงสู่ลำน้ำก่ำซึ่งมีความคดเคี้ยวให้ออกไปสู่แม่น้ำโขงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นาวาเอก อภิชาติ ชินรักษ์ รองผู้อำนวยการกองโรงงานเครื่องกล อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้ากรมอู่ทหารเรือ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดควบคุมเรือผลักดันน้ำในพื้นที่จังหวัดสกลนคร กล่าวว่า เรือผลักดันน้ำชุดแรกจำนวน 9 ลำ ได้ถูกลำเลียงออกจากอู่ทหารเรือ ป้อมพระจุลจอมเกล้าในช่วงค่ำ ของ วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2562 และเดินทางถึงจังหวัดสกลนครใน ช่วงเช้าวันนี้ ส่วนเรือผลักดันน้ำอีก 16 ลำ คาดว่าจะเดินทางถึงจังหวัดสกลนครในเย็นวันนี้และพร้อมติดตั้ง ในพื้นที่อำเภอโคกศรีสุพรรณและอำเภอโพนนาแก้ว
นายวิชาญ แท่นหิน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า ในส่วนของการติดตั้ง เรือผลักดันน้ำ ทั้ง 9 ลำ ทาง ปภ.จังหวัดสกลนครได้นำไปติดตั้งบริเวณ สะพานโนนน้ำคำ บ้านแมดนาท่ม อำเภอโคกศรีสุพรรณ ส่วนเรือผลักดันน้ำอีก 16 ลำ ที่จะตามมาสมทบในเย็นวันนี้ จะนำไป ติดตั้งบริเวณสะพานบ้านด่านม่วงคำ ตำบลเชียงสือ อำเภอโพนนาแก้ว จำนวน 8 ลำ ส่วนที่เหลืออีก 8 ลำ จะติดตั้งเพิ่มเติมที่สะพานบ้านโนนน้ำคำ
สำหรับเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้ ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ ในการสร้างเรือผลักดันน้ำที่คงมีอยู่ทำให้กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัยในปี 2554 ทั้งยังสนองต่อพระราชดำริแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำอุปกรณ์ เครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมมาผลิตและพัฒนาขึ้นใหม่เป็น 3 ขนาด คือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วันขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่งเป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี