"เฉลิมชัย"ผวาโรคระบาดใบด่างมันสำปะหลังระบาดหนัก ลาม8จว.แนวชายแดนไทย-กัมพูชา หวั่นกระทบเศรษฐกิจกว่าแสนล้านบาท สั่งทำลายแปลงมันทิ้ง4.5หมื่นไร่ พร้อมชดเชยเกษตรกรไร่ละ3พันบาทรายละไม่เกิน30ไร่
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ไม่สามารถขายผลผลิตคุณภาพดีได้เนื่องจากต้นมันในแปลงติดโรคใบด่างมันสำปะหลัง โดยอนุมัติเงิน 272 ล้านบาท ทั้งนี้ แนวทางจ่ายค่าชดเชยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบจะได้รับไม่เกิน 3,000 บาทต่อไร่ และเป็นค่าทำลายไร่ละ 3,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรจะทำลายต้นมันสำปะหลังที่ติดโรค โดยการขุด ถอน และฝังดินทั้งแปลง ขณะนี้ ครม.ให้ความเห็นชอบการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวแล้ว รวมงบประมาณที่อนุมัติไว้ 272 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าชดเชย 136 ล้านบาท และค่าทำลาย 136 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าจะทำให้เกษตรกรร่วมมือกับภาครัฐในการแจ้งโรคและยินยอมให้ทำลายมันยกแปลงดพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถขายผลผลิตคุณภาพดีได้ โดยชดเชยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบไร่ละไม่เกิน 3,000 บาท และเป็นค่าทำลาย ไร่ละ 3,000 บาท จะทำลายไร่มันสำปะหลังที่ติดโรค โดยการขุด ถอน และฝังดิน ปัจจุบันพบการระบาดใน 8 จังหวัดแนวชายแดนใกล้ประเทศกัมพูชา ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว สุรินทร์ ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และ ชลบุรี โดยสำรวจแล้วพบว่า จะต้องทำลายแปลงมันสำปะหลังถึง 45,399 ไร่
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมวิชาการเกษตรถึงการเกิดโรคใบด่างในมันสำปะหลังว่า เกิดจากเชื้อไวรัส Sri Lankan Cassava Mosaic Virus หรือ SLCMV ทำให้ใบด่างเหลือง ใบเสียรูปทรง ยอดที่แตกใหม่จะแสดงอาการใบเหลือง ลำต้นแคระแกร็น หัวมันจะเล็ก และมีเชื้อแป้งน้อย ปี 2561 พบการระบาดที่ จ.รัตนคีรี ราชอาณาจักรกัมพูชา ก่อน แล้วแพร่เข้ามาใน จ.สระแก้ว จากนั้นขยายออกไปยังพื้นที่ปลูกมันอื่นๆ จากการซื้อขายท่อนพันธุ์มันที่มีติดเชื้อและมีแมลงหวี่ขาวยาสูบซึ่งเป็นพาะนำโรคไป อีกทั้งสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้นทำให้ชาวไร่มันปลูกมันไปแล้ว 2 - 3 รอบเสียหายหมด ต้องปลูกใหม่อีก เกษตรกรจึงต้องการท่อนพันธุ์มันมากขึ้น มีการเคลื่อนย้ายท่อนพันธุ์จากพื้นที่เกิดโรคไปยังจังหวัดอื่นๆ ส่งผลให้ระบาดเป็นวงกว้างขึ้น
ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทั้งกรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมเกษตร บูรณาการควบคุมและยับยั้งการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่อการผลิตและการค้ามันสำปะหลังของไทยที่มีมูลค่าแสนล้านบาทต่อปี โดยให้เร่งผลิตท่อนพันธุ์สะอาดและปลอดโรคเพื่อให้เกษตรกรนำไปปลูก รวมทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรให้ซื้อท่อนพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ ซึ่งมีทั้งหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของภาคเอกชนซึ่งกำลังวิจัยและเร่งผลิตท่อนพันธุ์มันที่สะอาด มีคุณภาพ แข็งแรง ให้ผลผลิตดี ที่สำคัญคือ ปลอดเชื้อและพาหะนำโรคใบด่างมันสำปะหลัง
ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รายงานว่า ไทยมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 50 จังหวัด กว่า 8.6 ล้านไร่ เกษตรกร 523,589 ครัวเรือน สั่งการกรมวิชาการเกษตรตรวจเข้มทุกด่านพรมแดนไม่ให้มีการลักลอบนำท่อนพันธุ์มันเข้ามา เนื่องจากเชื้อไวรัสและแมลงพาหะจะติดมากับท่อนมัน ส่วนการนำเข้ามันเส้นและหัวมันสดที่ไม่ติดเหง้าหรือส่วนขยายพันธุ์มาด้วยยังสามารถนำเข้าได้ ส่วนเกษตรกรต้องเลือกใช้ท่อนพันธุ์ที่ปลอดโรคและทราบแหล่งที่มา สำรวจแปลงมันสำปะหลังอย่างสม่ำเสมอ กำจัดแมลงพาหะนำโรค นอกจากนี้ หากพบมันสำปะหลังที่มีอาการข้างต้นให้รีบแจ้งสำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัด ทันที เพื่อจะได้ไปตรวจสอบ หากพบว่าติดเชื้อใบด่างมันสำปะหลังจะได้ทำลายทิ้งทันที ป้องกันโรคลุกลาม ช่วยให้อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ การผลิตแป้งมัน มันเส้น และอื่นๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงนับแสนล้านบาทต่อปีของไทยไม่ให้เสียหายทั้งระบบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี