ปราจีนบรีอ่วม
น้ำป่าทะลัก-พื้นที่เกษตรฯจม
อุบลฯยังหนักน้ำมูลล้นตลิ่ง
‘บิ๊กป้อม’นั่งปธ.วอร์รูม
ฝนถล่มหนักทำน้ำป่าทะลักท่วมหลายจังหวัดทั้งประจันตคาม ปราจีนบุรี บ่อไร่ ตราด บ้านเรือนนับร้อย พื้นที่การเกษตรเสียหายอื้อ อุบลฯยังไม่พ้นวิกฤติ น้ำมูลล้นตลิ่งจ่อขึ้นสูงสุดอีก 2 วัน ผู้ว่าฯเตือนปชช.เตรียมอพยพ ขณะที่รบ.ลุยตั้งอวร์รูมน้ำ “บิ๊กป้อม”ประธาน ทำแผนแม่บท23ลุ่มน้ำบริหารจัดการทั่วปท.
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดฝนตกหนักถึงหนักมากหลายชั่วโมงต่อเนื่องในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และจ.ปราจีนบุรี วัดปริมาณน้ำฝนที่จุดเนินหอมได้ 158 มิลลิเมตร (มม.) รวมทั้งอ.อ.ประจันตคาม วัดได้ 90 มม. ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (ขญ.10) ไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่างทางด้านเขาน้อย น้ำตกธารทิพย์ และไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตร ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา
ฝนถล่ม-น้ำป่าท่วมประจันตคาม
นายพรเทพ ไกรสิงห์ กำนันตำบลโพธิ์งาม และผู้ใหญ่บ้านในเขต อ.ประจันตคามประกาศเสียงตามสายแจ้งให้ประชาชนเกือบร้อยหลังคาเรือน ในพื้นที่ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพราะมีน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่ติดริมคลองหมู่ 6, 7 และ 10 ตำบลบุฝ้าย และมวลน้ำไหลหลากเข้นหมู่บ้านและวัดที่อยู่ด้านล่างที่มีพื้นที่ต่ำกว่า ปริมาณน้ำท่วมสูงประมาณ 30-60 ซม. ส่งผลให้มวลน้ำไหลท่วมถนนหมู่บ้านโคกกรวด ม.7 เป็นระยะทางเกือบ 50 เมตร จากการตรวจสอบพื้นที่ พบมวลน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่หมู่ 7,8,11 ต.โพธิ์งาม และหมู่ 7, 8 และ 11 ต.หนองแก้ว รวม 120 หมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.12 เจ้าหน้าที่กู้ภัย จิตอาสาเข้าช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของ อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ระดับน้ำบางพื้นที่เริ่มลดลง บางจุดทรงตัวที่ 30 ซม.-1 เมตร ต่อมาเกิดฝนตกลงมาอีกนานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอีก สร้างความวิตกให้ชาวบ้านว่า ถ้าฝนยังไม่หยุดตก จะทำให้น้ำท่วมสูงขึ้นอีก
บ่อพลอยอ่วมน้ำป่าหลากท่วม
เช่นเดียวกับ ที่อ.บ่อไร่ จ.ตราด ช่วงกลางดึกวันที่ 10 กันยายน มีฝนตกหนักต่อเนื่อง บริเวณเทือกเขาบรรทัดที่กั้นพรมแดนไทยและกัมพูชา ทำให้น้ำป่าไหลทะลักเข้าคลองยอ คลองหมื่นด่านและคลองมะละกอทีเข้าเทศบาลตำบล (ทต.)บ่อพลอย อ.บ่อไร่สูงกว่า 50 ซม. ขณะที่ถนนเข้าเมืองอัญมณีมีน้ำท่วมเส้นทางระยะทางกว่า 100 เมตร สูงประมาณ 40 ซม. โดยนายเสรี สำราญจิต นายกเทศบาลต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่เผยว่า ฝนตกต่อเนื่องมา 2 วัน จึงเกิดน้ำป่าไหลจากเขาบรรทัดไหลลงมาจากคลองหมื่นด่าน และคลองยอเข้าท่วมเทศบาลบ่อพลอย น้ำสูงถึงระดับวิกฤต โชคดีที่ฝนเริ่มหยุดตก ระดับน้ำจึงทรงตัว แต่ยังเป็นห่วงถ้าฝนตกเพิ่มอีกจะทำให้น้ำท่วมเทศบาลบ่อพลอยอีกระลอก จึงแจ้งเตือนชาวบ้านให้เก็บของขึ้นที่สูง และตั้งเต็นท์เตรียมรับประชาชนอพยพ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานน้ำตกคลองแก้ว ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด เตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำตกช่วงนี้ เพราะระดับน้ำสูง ไหลเชี่ยว เพื่อความปลอดภัย
อุบลฯยังน่าห่วงน้ำมูลล้นตลิ่ง
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัดเริ่มคลี่คลาย แต่ที่ จ.อุบลราชธานี ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากแม่น้ำมูลเพิ่มระดับสูงจนล้นตลิ่งต่อเนื่อง ทำให้ชาวชุมชนริมแม่น้ำมูลวัดบูรพา ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ขนย้ายข้าวของขึ้นมาอาศัยอยู่ริมถนนสะพาน 100 ปี พระศรีนครินทร์ เพราะขณะนี้แม่น้ำมูลล้นตลิ่งกว่า 3 เมตร ระดับน้ำมีแนวโน้มขึ้นแบบชะลอตัวจากเดิมชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร เป็นชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร
สูงเท่าปี45-ชาวบ้านเริ่มป่วย
ร.ต.บรรพต กุลเกลี้ยง อายุ 65 ปี หัวหน้าชุมชนวัดบูรพา กล่าวว่า ระดับน้ำที่ท่วมสูงของปีนี้มีระดับใกล้เคียงกับปี 2545 มีระดับน้ำสูง 10.77 ซม. ทำให้ชาวชุมชนเริ่มเครียด เพราะต้องหยุดงานมาขนของหนีน้ำที่ท่วมสูง และยังมีปัญหาต้องรอคิวเรือที่เทศบาลนครอุบลราชธานีมาช่วยขนของออกจากบ้าน และส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคน้ำกัดเท้า จึงต้องการขอรับบริจาคยาสามัญประจำบ้านเพิ่มเติม เพื่อแจกให้ชาวบ้าน
น้ำมูล-ชีสูงสุดวารินชำราบ3ม.
นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีกล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมจ.อุบลราชธานีมีแนวโน้มสูงขึ้น มีปริมาณน้ำจากแม่น้ำชีไหลมาสมทบต่อเนื่อง ทำให้จ.อุบลราชธานีมีพื้นที่ประสบอุทกภัยมากขึ้น คาดว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเขตลุ่มแม่น้ำมูล ได้แก่ อ.เมือง อ.วารินชำราบ อ.ตาลสุม อ.สว่างวีระวงศ์ อ.พิบูลมังสาหาร อ.โขงเจียม วันนี้ น้ำในแม่น้ำมูลล้นตลิ่งไหลท่วมชุมชนและถนนสถิตย์นิมานกาล ถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างเทศบาลนครอุบลราชธานี และเทศบาลเมืองวารินชำราบ ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพหนีน้ำท่วมขนสิ่งของขึ้นที่สูงอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ จังหวัดแจ้งเตือนชาวบ้านเพราะระดับน้ำแม่น้ำมูลจะสูงสุดอีก 2 วันนี้ ปัจจุบันน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำสะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมืองอุบลราชธานี 3,975 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ระดับน้ำฝั่งเทศบาลนครอุบลราชธานียังต่ำกว่าตลิ่งเล็กน้อย แต่ฝั่งอ.วารินชำราบ สูงกว่าตลิ่ง 3.11 เมตร และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำลำน้ำชีปริมาตรสูงสุดไหลผ่านบ้านมหาชนะชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธรมาแล้ว อัตราการไหลอยู่ที่ 2,707 ลบ.ม.ต่อวินาที จังหวัดร่วมกับสำนักชลประทานที่ 7 บูรณาการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ โดยเร่งเสริมพนังป้องกันน้ำฝั่งเทศบาลนครอุบลราชธานี ป้องกันชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจ คาดว่าใช้เวลา 10 วัน ระดับน้ำจะทยอยลดลงสู่ระดับตลิ่ง ช่วงกลางดึกวันที่ 25-26 กันยายน
ยมทะลัก4อำเภอพิจิตรยังจม
ส่วนภาคเหนือ 4 อำเภอ จ.พิจิตรคือ อ.สามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และ อ.โพทะเล ถูกน้ำท่วมหลายวันแล้ว เนื่องจากแม่น้ำยมล้นตลิ่ง นายอภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ชลประทานจังหวัดพิจิตรเผยว่า ต้องเร่งผันน้ำจากแม่น้ำยมให้ไหลผ่านลำคลองชลประทาน DR 2.8 ซึ่งเป็นลำคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำยมกับแม่น้ำน่าน และตั้งอยู่ในต.กำแพงดิน อ.สามง่าม พร่องระบายน้ำจากแม่น้ำยมให้ไหลลงแม่น้ำน่าน อัตรา 120 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เพื่อช่วยลดผลกระทบน้ำในแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่ง
เจ้าพระยาระบายน้ำ950ลบ.ม.
ส่วนความคืบหน้าการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 กล่าวว่า จะยังคงรักษาอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ 950 ลบ.ม.ต่อวินาทีไว้อย่างน้อย 2-3 วัน ขณะนี้สถานการณ์น้ำเหนือที่ไหลผ่านจ.นครสวรรค์เริ่มลดลงแล้วและมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม คาดว่าอีก 2-3 วันจะเริ่มปรับลดการระบายลงแบบขั้นบันไดครั้งละ 50 ลบ.ม. ต่อวินาที ดังนั้น ขอให้ประชาชนจังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยามั่นใจได้ว่าระดับน้ำจะไม่เพิ่มสูงไปกว่านี้ เมื่อลดการระบายลงน้ำที่เอ่อท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำขณะนี้จะไหลลงลำน้ำและกลับสู่ภาวะปกติเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนเจ้าพระยา นำป้ายเตือน “พื้นที่อันตรายห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด” ไปติดตั้งไว้ท้ายเขื่อนเป็นระยะ ไม่ให้ประชาชนลงเล่นน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรง เสี่ยงเกิดอันตรายได้
รัฐบาลตั้งวอร์รูมน้ำแห่งชาติ
ในส่วนรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเผยก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า รัฐบาลจะตั้งวอร์รูมน้ำ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำถาวร รับผิดชอบโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช. ) มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม หน้าที่หลักคือ ติดตามน้ำเขื่อนทั่วประเทศ รวมถึงน้ำในแม่น้ำ ตนเป็นประธาน
นายกฯย้ำรบ.ไม่ทิ้ง-เยียวยาต้องคุ้มค่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงการตั้งวอร์รูมน้ำว่า อะไรที่เป็นภัยพิบัติทุกเรื่องรัฐบาลให้ความสำคัญอยู่แล้ว พร้อมกำหนดนโยบาย มาตรการ จัดงบประมาณสนับสนุน จะประชุมจัดทำแผนแม่บท 23 ลุ่มน้ำ ทุกอย่างต้องทำเป็นระบบ ทำตามแผน ที่ผ่านมาเราดำเนินการ 5 ปีต่อเนื่อง กิจกรรมเพิ่มขึ้น 4 เท่า จากก่อนหน้าที่รัฐบาลตนเข้ามา และลดความเสียหายไปจำนวนมาก แต่ละปีเสียเงินค่าเยียวยาต่างๆ ปกติไม่ได้มีพายุเข้าก็เสียหายอยู่แล้วทุกปี ปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท แต่วันนี้ลดลงมาเหลือหมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ในพื้นที่น้ำท่วมเรามีมาตรการเยียวยาขั้นต้นของกระทรวงการคลัง และรัฐบาล ตนมีหน้าที่ไปตรวจเยี่ยมเพื่อดูแลให้มากขึ้น ทั้งต้นทุนการปลูกพืชเพื่อให้เพาะปลูกในฤดูกาลหน้า หากปลูกไม่ได้ก็ต้องหาอาชีพอื่นให้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้ง แต่การใช้งบประมาณเยียวยานั้น ต้องถูกต้อง คุ้มค่า โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นฝ่ายตรวจสอบ และน้ำท่วมครั้งนี้ ความเสียหายอยู่ระหว่างสำรวจขึ้นมา
“การที่นายกฯไปทุกจังหวัดไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไปเป็นภาค แล้วก็วนกลับมา เป็นหน้าที่รัฐบาล ไปได้ทุกพื้นที่ แต่ก่อนไปทุกพื้นที่หรือไม่ ผมบอกรัฐบาลนี้ต้องไปได้ทุกพื้นที่ ก็ไม่เห็นประชาชนรังเกียจเดียดฉันด์อะไรผมเลยสักที่ ทุกจังหวัดไม่ว่าพื้นที่ใครก็ตาม”นายกฯกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี