โจรแสบแอบนำทองปลอม หนัก 3 บาท ทำเป็นเนียนนั่งรถตู้โดยสารไปทำขายฝากห้างทองเยาวราชที่ราชบุรี โชคดีร้านทองไหวตัวทันรีบแจ้งตำรวจจับทันควัน หลังสอบปากคำยอมรับสารภาพเคยทำมาแล้วและประสบความสำเร็จหลายครั้ง ย่ามใจหวนกลับมาก่อเหตุซ้ำก่อนถูกจับได้ ด้านตำรวจเตือนร้านทองให้ตรวจสอบโดยละเอียดก่อนรับซื้อ เชื่อทำกันเป็นขบวนการเตรียมขยายผล
10 กันยายน 2562 ตำรวจ สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี สามารถจับกุมตัวโจรแสบที่นำสร้อยคอทองคำปลอมมาทำขายฝากภายในห้างทองเยาวราช สาขาอำเภอจอมบึง หมู่ที่ 3 อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี หลังนั่งปฏิบัติการเฝ้าระวังภายในห้างทองดังกล่าว ก่อนที่เจ้าของร้านจะส่งสัญญาณให้ทำการควบคุมตัวชายต้องสงสัยที่นำเอาสร้อยคอทองคำปลอมหนัก 3 บาท มาทำการขายฝาก โดยที่ทางเจ้าของห้างทองได้ทำการทดสอบแล้วว่าสร้อยคอทองคำเส้นดังกล่าวเป็นของปลอม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวชายคนดังกล่าวไปสอบสวนต่อที่ สภ.จอมบึง
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาคนดังกล่าวชื่อนายชวลิต จิตต์เย็น อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลวังตะโก อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ได้รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน
นายชวลิต รับสารภาพว่า ตนได้นั่งรถตู้โดยสารเดินทางมาจากบ้านที่เพชรบุรี และมาต่อรถตู้โดยสารที่สถานีขนส่งราชบุรีเพื่อเดินทางไปยังอำเภอจอมบึง ด้วยการนำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น เพื่อที่จะนำมาทำการทำสัญญาขายฝากในราคา 5 หมื่นบาท กับทางห้างทองเยาวราช สาขาอำเภอจอมบึง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ด้วยอาการท่าทางปกติ โดยที่ภายในร้านทองดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเวนตรวจร้านทองประจำวัน แต่นายชวลิต ผู้ต้องหา เกรงกลัวใดๆ เมื่อเดินเข้าไปถึงร้านได้หยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท ขึ้นมาให้ทางร้านตรวจสอบตามปกติทั่วไปของการซื้อขายทอง และตกลงทำสัญญาขายฝากในราคา 5 หมื่นบาท จากราคาจริงที่ 6 หมื่นบาทเศษ
เมื่อทางเจ้าของร้านทองได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยทำการตรวจสอบจากห่วงและข้อแรกพบว่าเป็นทองจริง แต่เมื่อลองตรวจอย่างระเอียดอีกครั้ง โดยการตรวจสอบทั้งเส้นพบว่าเป็นสร้อยคอทองคำปลอม จึงได้ทำการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังตรวจเวรร้อนทองประจำวันให้ทำการจับกุมและส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สภ.จอมบึง กล่าวว่า กรณีคนร้ายรายนี้ถือว่าเป็นมืออาชีพที่มีลักษณะนิ่งมาก แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนั่งอยู่ภายในร้านทองแต่นายชวลิต ผู้ต้องหาก็กระทำความผิดโดยมไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งพฤติกรรมที่ผ่านมาที่ตรวจสอบตามประวัติ เมื่อปี 2558 ถูกศาลจังหวัดนครปฐมสั่งจำคุกเป็นเวลา 3 เดือนในข้อหาช่อโกง ด้วยการนำแหวนทองคำปลอมไปทำการขายฝากที่ร้านทองในจังหวัดนครปฐม และถูกทางร้านตรวจสอบว่าเป็นทองปลอมจึงแจ้งตำรวจดำเนินคดี จากเมื่อพ้นโทษออกมายังมาก่อเหตุซ้ำอีกโดยการนำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท ซึ่งทางนายชวลิต ผู้ต้องหา ได้ระบุว่าซื้อมาจากชายคนหนึ่ง ในราคา 25,000 บาท และนำมาขายฝากตามร้านทองในอำเภอต่างๆ ในเขตภูธรภาค 7 โดยเลือกจังหวัดราชบุรีเป็นหลัก ซึ่งก็ทำสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งจะได้เงินสดไปจำนวน 50,000 บาท รวมแล้ว ประมาณ 2 แสนบาท ส่วนที่อำเภอจอมบึงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกมาก่อเหตุเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมาได้เงินสดไปจำนวน 50,000 บาท และมาวันนี้มาก่อเหตุซ้ำแต่กลับถูกจับกุมได้เสียก่อน
ส่วนพฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ไม่มีอาชีพอื่น อาจจะเป็นแก๊งพอสมควร ส่วนการสอบปากคำในเบื้องต้นผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ และเข้าจะบอกว่ามีคนเอามาให้เขาซึ่งตรงนี้คนร้ายจะไม่บอกว่าเป็นใคร น่าจะมีในลักษณะการก่อเหตุแบบเดียวกันหลายคน เพียงแต่ว่าจะแยกกันไปทำ
ส่วนสร้อยคอทองคำที่คนร้ายนำมาตะเวนขายนี้ จะเหมือนของจริงมาก ซึ่งมีการชุบทองจริงซึ่งลักษณะจะชุบหนา ในช่วงบริเวณตรงตะขอ หรือ ตะขอ เป็นจุดที่ร้านทองจะตรวจสอบ ซึ่งค่าที่วัดออกมาก็เป็นทองจริง ซึ่งคนร้ายได้ทำการชุบทองไว้หนาพอสมควร ซึ่งร้านทองจะปล่อยผ่านเพราะว่าจะมีค่าทองจริง
ทั้งนี้ อยากจะฝากร้านทองขอให้เพิ่มการตรวจสอบให้มากขึ้น ไม่ใช่เพียงว่าเห็นน้ำหนักทองตรง 3 บาท และทองจะแท้อาจจะต้องหาวิธีการตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะปัจจุบันการตรวจสอบของร้านทองจะตรวจสอบตรงข้อ และตะขอ ทำให้คนร้ายคิดว่าเป็นช่องโหว่จึงทำของจริงมาใส่ ส่วนที่หลุดจากข้อไปตลอดทั้งเส้นจะเป็นของปลอม ทำให้ร้านทองตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ตรงนี้จึงอยากฝากให้ตรวจสอบมากขึ้น หรือ เป็นไปได้ให้ตรวจสอบตลอดทั้งเส้นเพื่อความปลอดภัย
ด้านนางทัศมาลี สวัสดิ์หิรัญ อายุ 47 เจ้าของร้านทองดี อำเภอจอมบึง ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายก่อเหตุเมื่อวันที่ 6 ก.ค.62 ที่ผ่านมา และ นางสมมาศ สารการ อายุ 63 ปี เจ้าของในอำเภอโพธาราม ผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายก่อเหตุเมื่อวันที่ 26 ก.ค.62 ที่ผ่านมา โดยที่ทั้ง 2 ร้านโดนผู้ต้องหาหลอกนำสร้อยคอทองคำ หนัก 3 บาท มาทำการขายฝากโดยสูญเงินไปจำนวนรายละ 50,000 บาท รวมแล้ว 1 แสนบาท ได้เดินทางมาดูตัวผู้ต้องหาพร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันที่เข้ามาก่อเหตุที่ร้านของตนเอง โดยที่ทั้งคู่ยืนยันว่าคนร้ายรายนี้เข้ามาก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ซึ่งนำสร้อยคอทองคำเข้ามาทำการขายฝาก โดยตนเองก็ทำการตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว ก็คิดว่าเป็นทองจริงเพราะทั้งใช้น้ำยาและทำการฝนที่เนื้อทองก็พบว่าเป็นทองจริง เมื่อคิดว่าเป็นทองจริงจึงจ่ายเงินให้คนร้ายไป แต่เมื่อนำมาตรวจสอบอีกทีเพราะต้องนำมาหลอมทอง แต่พบว่าเป็นทองปลอมเพราะเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดโดยช่างทำทองพบว่าเนื้อมนเป็นแสตนเหลด ตนจึงนำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท เส้นดังกล่าวเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.โพธาราม
พร้อมกันนี้ยังได้ส่งข้อมูลไปทางระบบ line กับกลุ่มร้านทองต่างๆ ให้กันช่วยเฝ้าระวังคนร้ายที่จะเข้ามาก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว โดยเฉพาะการตรวจสอบทอง ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก วันนี้ต้องขอบคุณ ร้านทองที่แจ้งตำรวจให้จับกุม โดยทางเจ้าหน้าที่ตรวจจะทำการขยายไปถึงแก๊งคนร้ายรายนี้เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี