สนธิกำลังค้น5จว.

ทุบเครือข่ายยานรก

แก๊ง’อาร์ทตาเดียว’

ยึดทรัพย์กว่า50ล้าน

ตำรวจภูธรภาค 1 สนธิกำลัง ปปส. ปปง. ดีเอสไอ ฝ่ายปกครอง เปิดยุทธการ"ขุดรากถอนโคน โค่นต้นตอยาเสพติด"บุกจับเครือข่าย "อาร์ทตาเดียว" รวม 39 หมายจับ  เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 25 จุดใน 5 จังหวัด ยึดทรัพย์สินหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 20 กันยายน พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค1พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานได้แก่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสอนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)และฝ่ายปกครอง ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด นายสุทัศน์ บัวไผ่ หรือ อาร์ท ตาเดียว ภายใต้แผนยุทธการ‘ขุดราก ถอนโคน โค่นต้นตอยาเสพติด’ซึ่งเป็นการสนธิกำลังกันเป็นครั้งที่ 2

โดยการบุกเข้าตรวจค้นจับกุมดังกล่าว มีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนขยายผล จนพบพยานหลักฐานที่นำไปสู่การสืบสวนจับกุม นายสุทัศน์ ที่เป็นพ่อค้ายาเสพติดในระดับยี่ปั๊วซึ่งมีประวัติถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ตั้งแต่ปี 2549 และถูกดำเนินคดีข้อหาสมคบกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีหลักฐานว่าเครือข่ายของ นายสุทัศน์ ได้มีการสั่งซื้อยาบ้าจากกลุ่มพ่อค้าภาคเหนือ มีการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมายังพื้นที่ภาคกลาง โดยมีการลำเลียงยาเสพติดหลายรูปแบบ เช่น ฝากส่งมากับบริษัทขนส่งเอกชน บรรทุกมากับรถขนผลไม้โดยการซุกซ่อนยาบ้ามากับผลไม้ และบรรทุกมากับรถขายอาหารทะเล แต่ที่ผ่านมา ผู้ต้องหามักไม่ให้การซัดทอดไปถึงตัวการสำคัญ

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายสุทัศน์จำนวน 39 หมาย และ เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้งสิ้น25จุดในพื้นที่ 5จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย เพชรบูรณ์ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และลพบุรี โดยได้มีการตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหลายรายการ ประกอบด้วย เงินสด 2 ล้านบาท บ้าน ที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เงินสด ทองรูปพรรณ และอาวุธปืน รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ เจ้าหน้า มีข้อมูลว่ายังคงมีทรัพย์สินที่กลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหา โอนไปยังบุคคลอื่น หรือใช้ชื่อผู้อื่นในการถือครองแทน ซึ่งจากหลักฐานพบว่า มีการโอนเงินในกลุ่มเครือข่าย โดยการว่าจ้างให้บุคลอื่นเปิดบัญชีให้ แล้วขบวนการค้ายาเสพติดนำไปใช้ ซึ่งในขณะนี้ ทาง ปปง. และ ป.ป.ส. อยู่ในระหว่างการเร่งรัดตรวจสอบ หากพบว่าผู้ใดที่ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฟอกเงินต่อไป  มีรายงานว่าในส่วนผู้ต้องหา 25 ราย ที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ได้ให้การปฏิเสธพร้อมขอต่อสู้คดี