การประชุมที่ฟิลิปปินส์ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่คณะเราไปร่วมทั้งการประชุมเพื่อผลักดันการทำสัญญาซื้อขายข้าวในรูปแบบที่ 1 ระหว่างฟิลิปปินส์ กับญี่ปุ่น พร้อมกับไปตรวจสต๊อกข้าวที่ส่งไปเก็บไว้ที่โกดังในกรุงมะนิลาด้วย ความจริงสต๊อกข้าวในรูปแบบซื้อขาย (ที่ไม่ใช่แบบให้เปล่าตามรูปแบบที่ 3) ผมเคยกล่าวไปแล้วว่า ทั้งประเทศอาเซียนบวกจีนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เรามีอยู่รวมทั้งสิ้น 787,000 ตัน แต่ในการดำเนินงานของแอปเตอร์ที่ผ่านมา โอกาสที่จะนำสต็อกข้าวชนิดนี้มาใช้ประโยชน์ช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติมีน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย ซึ่งเป็นการขัดหรือแย้งกับความเป็นจริงที่ทุกวันนี้ ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้หรือภูมิภาคอื่น มักเกิดหรือประสบกับภัยธรรมชาติและประชาชนขาดแคลนอาหารการกินอยู่เสมอๆ
ผมเองในฐานะเป็นผู้จัดการทั่วไปก็เคยรับปากกับคณะมนตรีแอปเตอร์ว่าจะผลักดันให้มีการนำเอาสต๊อกส่วนนี้มาใช้ แต่ก็อีกนั่นแหละ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีประเทศผู้ซื้อ ก็คงไม่สามารถจะทำการซื้อขายข้าวในรูปแบบที่ 1 ให้เกิดขึ้นได้ หลายคนสงสัยว่าทำไมจึงไม่เกิดกิจกรรมนี้ ผมก็เข้าใจว่า ทุกวันนี้มันมีข้าวซื้อขายในตลาดโลกมากถึง 40-50 ล้านตันต่อปี ขณะเดียวกัน ก็มีข้าวที่ผลิตและยังเหลือขายอยู่อีกส่วนหนึ่งในประเทศผู้ผลิตสำคัญๆ เช่น ไทย เวียดนาม อินเดีย ดังนั้น ในเมื่อข้าวสารในตลาดไม่ขาดแคลน โอกาสที่จะมีการสั่งซื้อตามช่องทางแอปเตอร์จึงอาจไม่จำเป็น
ประกอบกับราคาที่กำหนดให้ซื้อขายระหว่างกันภายใต้ระบบแอปเตอร์ ก็บังคับไว้เป็นเกณฑ์เลยว่า ต้องเป็นราคาตลาดโลก หรือราคาที่ซื้อขายกันจริงๆ ในท้องตลาด ห้ามใช้ราคาพิเศษ หรือลดราคาต่ำลงกว่านั้น มันก็เลยต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง เกี้ยวพาราสีให้มีคนที่จะซื้อตามระบบแอปเตอร์ให้ได้ เพราะเท่าที่ออกหนังสือเวียนไปสอบถามประเทศสมาชิก ปรากฏว่า มีแต่ประเทศเสนอความจำนงที่จะเป็นผู้ขาย เช่น ญี่ปุ่น ไทย เมียนมา เวียดนาม แต่ตรงกันข้ามกลับหาอาสาสมัครประเทศผู้ซื้อไม่ได้ เปรียบเสมือนว่ามีแต่เจ้าบ่าว แต่หาเจ้าสาวไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจว่าต้องใช้วิธีคลุมถุงชน หรือแบบเจาะจงตัวเลยดีกว่า ทั้งนี้โดยเลือกเอาประเทศที่น่ามีความเป็นไปได้ คือ นางสาวฟิลิปปินส์ โดยขั้นตอนแรกใช้วิธีเข้าไปหาบ่อยๆ หรือเมื่อเจอหน้าที่ไหนก็เพียรสะกิดถาม แต่กระนั้น ฝ่ายเจ้าสาวฟิลิปปินส์ก็กลับม้วนอายบ่ายเบี่ยงอ้ำอึ้งไม่เผยวาจาใดๆ จนในที่สุด เลยต้องใช้กลยุทธ์หมัดเด็ด คือการบุกเข้าหาที่บ้านเลย โดยเอาเจ้าบ่าว เอ้ย ผู้ขายไปด้วย
ในครั้งแรกญาติผู้ใหญ่ทางฟิลิปปินส์ก็ใจดีมีน้ำใจจัดการพบปะเจรจาให้อย่างดี ก็จัดเวทีเจรจาที่โรงแรมในกรุงมะนิลากันเลย หลังจากที่ไปตรวจสต็อกข้าวรูปแบบที่ 3 ในโกดังของรัฐเสร็จแล้ว พวกเราคณะฝ่ายสำนักเลขานุการแอปเตอร์พยายามสาธยายถึงประโยชน์ที่ผู้ซื้อหรือเจ้าสาวจะได้รับ และย้ำว่าการทำสัญญาระหว่างกันนั้น ผู้ซื้อน่าจะเกิดประโยชน์กว่าด้วยซ้ำ เพราะเป็นสิทธิของผู้ซื้อว่าเมื่อเกิดภัยพิบัติแล้ว จะสั่งซื้อจริงหรือไม่ก็ไม่ก็ได้ เป็นการการันตีว่า อย่างไรเสียผู้ซื้อก็จะมีข้าวมาช่วยเหลือประชาชนผู้ขาดแคลนได้อย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ เอ็นเอฟเอ หรือ National Food Authority วันนั้นแม้ว่าจะดูแลต้อนรับขับสู้ เลี้ยงข้าวเย็นอย่างดี แต่ทว่ายังสงวนท่าทีไม่ตอบรับอยู่ดีไม่จะเอาไม่เอา
ธรรมเนียมของฟิลิปปินส์นั้นคือ ขอให้เอาสนุกไว้ก่อนอย่างอื่นเอาไว้ทีหลัง มีอีกครั้งที่หลังจากที่ฝ่ายผู้ขายอุตส่าห์เชิญผู้แทนฟิลิปปินส์ไปคุยกันถึงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นโน่น กำหนดรายละเอียดข้อเจรจากันได้ก้าวหน้าพอสมควร และคิดว่าจะมาคุยต่ออีกครั้งที่กรุงมะนิลาก็จะลงเอย ซึ่งครั้งนี้ฝ่ายสำนักเลขานุการก็ไปด้วย หวังจะได้ข่าวดีมีความคืบหน้า แต่เอาเข้าจริงทางฝ่ายญี่ปุ่นกลับต้องนั่งกุมขมับ เพราะเจอระเบียบปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ทางฟิลิปปินส์อ้างตามกฎหมาย จนทำให้การเจรจาต้องหยุดกลางครัน
สุดท้ายท่านผู้บริหารสูงสุดของเอ็นเอฟเอ ก็ตัดบทและพาพวกเราทั้งหมดไปห้องรับรองจัดเลี้ยงของเอ็นเอ็ฟเอ เพื่อเลี้ยงอาหารค่ำแบบจัดเต็ม แถมมีดนตรีนักเต้นมืออาชีพเกรดเอ ร้องรำทำเพลงกันสนุกสุดเหวี่ยง ปานว่าคืนนั้นเป็นคืนเฉลิมฉลองความสำเร็จในการเจรจาซื้อขายข้าว ทั้งที่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี