พ่อเลี้ยงชุมพรยิงตัวตายคาสวนทุเรียน หนีความผิดข่มขืนลูกเลี้ยงจนท้อง
26 กันยายน 2562 ร.ต.อ.อารัทธ์ รักษาวงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านวิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุพบศพคนถูกยิงที่บริเวณสวนทุเรียนหลังบ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 8 ตำบลวิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรายานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิทยา จันทร์นุ้ย รอง ผกก.(สอบสวน) กำลังชุดสายสืบสายตรวจ แพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ติดกับถนนลาดยางสายวิสัยเหนือ-บ้านชันโต๊ะ บริเวณหลังบ้านปลูกเป็นสวนทุเรียนทะวายหรือทุเรียนนอกฤดูกาลจำนวนมากบนเนื้อที่เกือบ 10 ไร่ และผลผลิตที่ใกล้จะเก็บขายได้แล้วรวมมูลค่ามากกว่า 2 ล้านบาท โดยพบศพ นายพงษ์ศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านและสวนทุเรียนดังกล่าว มีบาดแผลถูกยิงที่ขมับขวากระสุนตุงที่ขมับซ้าย 1 นัด ในมือขวากำอาวุธปืนสั้นแบบลูกโม่ขนาด.22 โดยเสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน ศพอยู่ในพงหญ้าโคนต้นกล้วยริมสวนระหว่างเขตแดนติดต่อกับสวนของน้องชาย
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธปืนในลูกโม่รังเพลิงมีกระสุนคาอยู่จำนวน 7 นัด เป็นปลอกที่ยิงไปแล้ว 3 นัด และยังไม่ได้ยิงอีก 4 นัด ในกระเป๋าคาดเอวตัวมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง ซองยาเส้น ใบจาก และใบกระท่อมอีกหลายใบ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยญาติพี่น้องไม่ติดใจในสาเหตุการตาย เจ้าหน้าที่จึงได้นำศพส่งไปผ่าชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล ก่อนจะมอบศพให้ญาติดำเนินการตามประเพณีต่อไป
จากการสอบสวนน้องชายผู้ตาย ซึ่งมีบ้านและสวนทุเรียนอยู่ใกล้กัน ให้การว่า ก่อนพบศพ 2 วัน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น แต่ไม่ได้เอะใจ เนื่องจากเข้าใจว่าพี่ชายหรือชาวสวนใกล้เคียงจุดประทัด หรือยิงปืนไล่กระรอกและสัตว์ที่มากัดกินลูกทุเรียนซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว โดยนายพงษ์ศักดิ์ผู้ตายเป็นคนไม่ดื่มเหล้าทำแต่งานไม่ออกเที่ยวเตร่และไม่มีหนี้สิน ปัจจุบันอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว เนื่องจากภรรยาซึ่งเป็นแม่หม้ายมีลูกติดได้เลิกราหนีออกไปจากบ้านได้ประมาณ 7 วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัญหาส่วนตัวภายในครอบครัว
จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนไปพบจดหมายที่เขียนไว้ด้านหลังกระดาษปฏิทินจีนจำนวน 4 แผ่น วางไว้ที่บนเตียงนอนของพ่อที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งนอนอยู่บ้านเดียวกับตน ลักษณะเขียนเหมือนสั่งเสียลาตาย ช่วงเช้าตนจึงออกตามหาในสวนทุเรียน จนมาพบกลายเป็นศพยิงตัวตายดังกล่าว จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบพร้อมกับมอบจดหมายดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ในจดหมายทั้ง 4 แผ่นเขียนลงวันที่ 22 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา มีใจความสรุปเกี่ยวกับปัญหากรณีที่ภรรยาและญาติๆของภรรยาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.บ้านวิสัยเหนือ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงซึ่งเป็นลูกเลี้ยงอายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 จนตั้งท้องได้ 5 เดือน หลังจากแจ้งความภรรยาได้พาลูกเลี้ยงหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น และในจดหมายยังได้เขียนบอกให้ญาติพี่น้องของผู้ตายเองช่วยส่งเสียดูแลลูกที่ตั้งครรภ์อยู่ในท้องด้วย หากเด็กในท้องยังมีชีวิตอยู่ ส่วนผลผลิตทุเรียนที่ใกล้จะเก็บขายได้แล้วมูลค่านับล้านบาทมอบให้น้องชายเป็นผู้ดูแล นอกจากั้นยังได้เขียนบอกเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองที่มักจะมีอาการหอบแน่นหน้าออกหายใจไม่ค่อยออกจึงต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายดังกล่าว
จากการสอบสวนเบื้องต้นสาเหตุที่นายพงษ์ศักดิ์คิดสั้นฆ่าตัวตาย คาดว่ามาจากปัญหากรณีที่ เด็กหญิงเอ(นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย ขณะไปเรียนหนังสืออยู่ในชั้นเรียน ครูผู้สอนได้สังเกตเห็นเด็กหญิงเอ มีอาการคลื่นไส้ลักษณะเหมือนคนแพ้ท้อง จึงสอบถามและแจ้งให้ผู้เป็นแม่และญาติๆได้ทราบเรื่อง จนถูกคาดคั้นทำให้รู้ความจริงว่าเด็กหญิงเอถูกนายพงษ์ศักดิ์ ที่เป็นพ่อเลี้ยงข่มขืนมาเป็นเวลานานแล้ว จนตั้งท้อง 5 เดือน เมื่อทราบความจริงจึงพาลูกไปร้องเรียนมูลนิธิปวีณาหงส์สกุลเพื่อเด็กและสตรี ให้ช่วยเหลือและพาเข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วิทยา จันทร์นุ้ย รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.บ้านวิสัยเหนือ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเพิ่งได้รับแจ้งความเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยังอยู่ระหว่างสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานและรอผลการตรวจดีเอ็นเอกับหลักฐานทางนิติเวชที่ชัดเจน เพื่อออกหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหากับนายพงษ์ศักดิ์ แต่ก็มาคิดสั้นชิงฆ่าตัวตายไปเลยก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี