กรมชลฯคิกออฟ11ตค.
รับมือน้ำท่วม16จว.ใต้
อธิบดีกรมชลฯ คอนเฟอเรนซ์ 21 จว. ระดมเครื่องมือ–กำลังคนเต็มพิกัด รับมือน้ำท่วม 16 จว.ภาคใต้ชูแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาท่วมอุบลฯ เป็นมาตรการต้นแบบ รับมือพื้นที่เสี่ยงดีเดย์ 11ต.ค.เคลื่อนย้ายเครื่องจักรอุปกรณ์ครบมือ ติดตั้งในพื้นที่ เตือนลุ่มเจ้าพระยาเสี่ยงวิกฤติแล้ง เบรกทำนาปรัง
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวระหว่างประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์กับสำนักงานชลประทาน21จังหวัดว่าจะปิดศูนย์บริหารจัดการอุทกภัยลุ่มน้ำชี–มูล(ส่วนหน้า) จ.อุบลราชธานี หลังจากสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย การช่วยเหลือประชาชนสำเร็จตามกำหนด ปัจจุบันสถานการณ์น้ำกลับเข้าตลิ่งทุกพื้นที่ ชาวบ้านเข้าบ้านพักอาศัยได้ ช่วงปลายเดือนกันยายน ตามแผนที่วางไว้
อธิบดีกรมชลฯกล่าวว่าจากแผนปฎิบัติการที่แก้ปัญหาอุทกภัยในจ.อุบลราชธานี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะใช้เป็นมาตรการรับมือพื้นที่ต่อไปคือ ถ้ามีปริมาณฝนเกิน 200 มิลลิเมตร (มม.) ต้องกำหนดเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบ พื้นที่เสี่ยงภัย กำหนดผู้รับผิดชอบชัดเจน จัดสรรเครื่องมือเตรียมความพร้อม สิ่งจำเป็นมากที่สุด เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำให้ไหลออกจากพื้นที่เร็วขึ้น รถขุดตักสิ่งกีดขวางทางน้ำ ตรวจสอบความมั่นคงของอาคารชลประทาน ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง เกินกักเก็บ 80% ต้องพร่องเพื่อมีช่องว่างรับน้ำใหม่ โดยเน้นย้ำอย่าไปซ้ำเติมพื้นที่ด้านท้ายน้ำ ที่สำคัญต้องแจ้งฝ่ายปกครองทุกครั้งก่อนระบายน้ำออกจากเขื่อน ดูแลพื้นที่ในเขตชลประทาน พื้นที่เกษตร ประเมินสถานการณ์ให้ถูกต้อง ไม่ใช่สักแต่คูณตัวเลขออกมา
นายทองเปลว กล่าวอีกว่า วันที่ 11ตุลาคมนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯสั่งการให้กรมชลฯไปคิกออฟความพร้อมรับมือพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย 16 จังหวัดภาคใต้ โดยใช้เหตุการณ์อุทกภัยภาคอีสานไปเป็นตัวอย่าง ระดมเครื่องมือเครื่องจักรเคลื่อนย้ายไปไว้ภาคใต้ ประชุมวิเคราะห์สถานการณ์กับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม เพื่อเตรียมการณ์รับมือ จุดไหนเสี่ยงดินโคลนถล่ม ทั้งถนน สะพาน ที่เป็นคอขวด ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนทุกภาคส่วนให้เตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ พร้อมกับตรวจสอบปริมาณน้ำในเขื่อนเพชรบุรี ปราณบุรี เขื่อนแก่งกระจาน ให้มีน้ำไม่เกิน 80% ทั้งนี้ หน้าฝนภาคใต้เริ่มต้นปลายเดือนตุลาคม โดยปริมาณฝนตกมากสูงสุด จะเป็นช่วงปลายเดือนธันวาคม 2562 ถึงมกราคม 2563
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ นายทองเปลวเผยว่า ยังมีน้ำน้อยประมาณ 26% หรือ 640ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) น้อยกว่าปี 2561 ในช่วงเดียวกัน มีน้ำประมาณ 800 ล้าน ลบ.ม. สัปดาห์หน้าเชิญทุกภาคส่วน หารือกับคณะกรรมการมีส่วนร่วมในพื้นที่ทำมาตรการจำกัดการใช้น้ำ รวมทั้งลุ่มเจ้าพระยา ขณะนี้มีน้ำใช้การได้ 4 เขื่อนใหญ่ 30% หรือ 5.5 พันล้านลบ.ม. คาดการณ์เดือนพฤศจิกายนจะมีปริมาณน้ำ 6.1 พันล้านลบ.ม. เป็นการเริ่มต้นฤดูแล้ง เดือนพฤศจิกายน 2562 -30 เมษายน 2563 ไม่สามารถส่งน้ำให้นาปรังได้ ถ้าจะไปเอาน้ำสำรองมาปลูกข้าวเสี่ยงมาก ดังนั้น จะเสนอความเห็นเข้าคณะกรรมการปลูกพืชฤดูแล้งพิจารณา ก่อนเสนอเข้าครม.หามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
“จะปล่อยน้ำจาก4 เขื่อนคือ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย ป่าสักฯ วันละ 18 ล้านลบ.ม.จำกัดการใช้น้ำ ส่งให้อุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก และการเกษตรต่อเนื่องที่ใช้น้ำน้อย เพราะไม่มีน้ำเพียงพอสนับสนุนปลูกข้าวนาปรัง ลุ่มเจ้าพระยาต้องจำกัดการปล่อยน้ำช่วง 9 เดือนจนกว่าฝนจะมาปี 2563 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2562-กรกฎาคม 2563 รวมส่งน้ำ 5 พันล้านลบ.ม. พร้อมวางแผนดึงน้ำแม่กลองมาช่วยผลิตประปา 500 ล้านลบ.ม.”นายทองเปลว กล่าว
พร้อมย้ำว่า ระหว่างที่ปล่อยน้ำจากเขื่อนลงลุ่มเจ้าพระยา หากมีการลับลอบสูบน้ำจะเกิดปัญหาน้ำเค็มดันเข้าระบบประปาได้ จะประสานกระทรวงมหาดไทย ไม่สนับสนุนค่าไฟฟ้าให้สถานีสูบน้ำ 343สถานี ตลอดแนวแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน เหนือเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562-เมษายน 2563 อย่างไรก็ตาม ทั่วประเทศส่งน้ำให้ปลูกข้าวนาปรังได้ 1.6 ล้านไร่ ในพื้นที่มีปริมาณน้ำเพียงพอ เช่น ลุ่มน้ำแม่กอง พื้นที่ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคอีสาน แนวเขื่อนลำปาว ลำโดมน้อย ส่วน 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ไม่สนับสนุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี