วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เลขาฯศาลยุติธรรม เผย อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 -หัวหน้าศาลยะลา รายงานข้อเท็จจริง เหตุ ผู้พิพากษายิงตัวเองเเล้วชงเข้าที่ประชุม ก.ต.7 ต.ค.นี้ ยืนยันหนักเเน่นการพิจารณาคดีองค์คณะผู้พิพากษาเป็นอิสระ ใหญ่ระดับไหนก็เเทรกเเซงไม่ได้ ชี้ การตรวจสำนวนหรือทำความเห็นเเย้งกฎหมายให้อำนาจอธิบดีผู้พิพากษาเพื่อคุ้มครองประโยชน์ประชาชน เป็นเรื่องปรกติอธิบดีเรียกตรวจสำนวนได้ เเต่เเทรกเเซงเปลี่ยนผลไม่ได้
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการตุลาการ(ก.ต.)กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีมีผู้พิพากษาใช้อาวุธปืน ยิงตัวเองที่ศาลจังหวัดยะลา ซึ่งมีรายงานว่าสาเหตุเกิดจากความเครียดในการพิจารณาคดี เเละมีการวิพากวิจารณ์ว่ามาจากการถูกกดดันเเทรกเเซงการพิจารณาพิพากษาคดีว่า ขณะนี้ตนได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว จากนายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 และนายอนิรุธ ใจเที่ยงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดยะลา เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงต่อที่ประชุม ก.ต.ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ และตนได้รายงานต่อนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ตามลำดับแล้ว
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้เมื่อรายงานที่ประชุม ก.ต.ไปแล้ว ก็ดูว่า ก.ต.จะพิจารณาอย่างไร ซึ่งขณะนี้ตนได้เตรียมรายละเอียด เช่นคำแถลงการณ์ต่างๆของผู้พิพากษาคนดังกล่าวเพื่ออธิบายแก่ก.ต. และต้องรับข้อมูลจากอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้องอีกด้วย
เมื่อถามถึงเรื่องที่มีกล่าวกันว่ามีการเเทรกเเซงคดีจนเป็นสาเหตุกดดันคดี นายสราวุธ กล่าวว่า คำพิพากษาถือเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยก่อนการอ่านคำพิพากษาได้ ไม่เช่นนั้นจะรู้ผลล่วงหน้า และเป็นวิธีปฏิบัติของศาลที่จะปรึกษาหารือกันได้ ซึ่งในกระบวนการทำงานคดีที่มีโทษสูง คดีสำคัญ กฏหมายพระธรรมนูญ มาตรา 11 (1) ให้อำนาจ อธิบดีฯนั่งพิจารณาและพิพากษาคดีใดๆของศาลนั้น หรือเมื่อได้ตรวจสำนวนคดีใดและมีอำนาจทำความเห็นแย้งได้ รวมทั้งสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้พิพากษาในศาลนั้น ในข้อขัดข้องเนื่องในการปฏิบัติหน้าของผู้พิพากษา
และใน มาตรา 14 ระบุไว้ด้วยว่าให้อธิบดีผู้พิพากษาภาคเป็นผู้พิพากษาในศาลที่อยู่ในเขตอำนาจด้วยผู้หนึ่ง โดยให้มีอำนาจและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 11 วรรคหนึ่ง รวมทั้งได้ให้อำนาจรองอธิบดีผู้พิพากษาภาคไว้ด้วยเพราะปริมาณคดีมีมาก ดังนั้นอธิบดี จึงมีสิทธิที่จะตรวจสำนวน คำพิพากษา ถ้าเเม้ไม่ได้ขึ้นไปนั่งพิจารณาคดี ก็มีข้อแนะนำได้ หากการเขียนคำพิพากษามีจุดบกพร่อง ก็แนะนำให้แก้ไขได้ ซึ่งกฏหมายให้อำนาจไว้เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน แต่อธิบดีฯไม่สามารถไปก้าวก่ายการตัดสินของผู้พิพากษาได้ และไม่สามารถแทรกแซงการทำงานได้ เพราะหากผู้พิพากษาไม่เห็นตามนั้น ก็สามารถยืนยันความเห็นของตนเองได้
ทั้งนี้ ตัวอย่างในคดีที่ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูกฟ้องคดี 157 ท่านชีพ จุลมนต์ อดีตประธานศาลฏีกา ซึ่งเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาในขณะนั้นเคยมีความเห็นแตกต่างจากองค์คณะว่า ควรลงโทษ แต่องค์คณะเห็นว่า ควรพิพากษายกฟ้อง อธิบดีฯศาลจึงมีความเห็นว่าให้เอาไปทบทวน ทางองค์คณะ ยืนยันเหมือนเดิมว่าให้ยกฟ้อง นายชีพ อธิบดีฯศาลอาญา ขณะนั้นจึงทำความเห็นแย้งไป สำหรับในศาลภาค 9 มีคดีความมั่นคงจำนวนมาก การที่อธิบดีฯ มีอำนาจตรวจสำนวนและทำความเห็นแย้งได้ จึงถือเป็นเรื่องปกติในกระบวนการทำงาน
"เปรียบเสมือนการตรวจให้มีความรอบคอบได้มาตรฐาน ถ้าผู้พิพากษาที่พิจารณาสำนวนยังยืนยันคำพิพากษาก็ต้องเป็นไปตามที่เขียนไว้อยู่เเล้ว ผมขอบอกไว้เลยในศาลใครจะมาสั่งผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะในการตัดสินคดี มันสั่งไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องอำนาจบังคับบัญชาตามลำดับชั้น ดุลพินิจของเจ้าของสำนวนจะมีความเป็นอิสระ เรื่องนี้เป็นมานานเเล้ว เเละไม่ใช่เฉพาะเรื่องภายในเท่านั้น ในทางภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่าย ตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายบริหารยิ่งสั่งเราไม่ได้ “ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าว
เมื่อถามว่า เหตุผู้พิพากษายิงตัวในห้องพิจารณาโดยอ้างว่ามีเหตุจากการทำคำพิพากษาจะกระทบต่อผู้พิพากษาอื่นหรือไม่
นายสราวุธกล่าวว่า ผู้พิพากษาทั่วประเทศมีขวัญกำลังใจดีไม่มีปัญหาอะไร เรื่องอำนาจของอธิบดีผู้พิพากษามีกำหนดชัดเจนในกฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ตนก็เป็นผู้บรรยายกฎหมายวิชาพระธรรมนูญศาลในเนติบัณฑิตยสภา ส่วนจะมีการแก้ไขกฎหมายพระธรรมนูญศาลหรือไม่ ให้รอฟังผลการประชุม ก.ต.ก่อน ตนขอย้ำว่าผู้พิพากษามีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรม คือกฎหมายกำหนดระเบียบแบบในการทำงานของผู้พิพากษา เกี่ยวกับเขตอำนาจศาล การนั่งพิจารณาขององค์คณะ ขอบเขตอำนาจของตัวผู้พิพากษาคนเดียวหรือร่วมกันเป็นองค์คณะ การจ่ายสำนวน การเรียกคืนสำนวน เป็นต้น ที่น่าสนใจเกี่ยวกับคดีนี้ น่าจะอยู่ที่"อำนาจของอธิบดีผู้พิพากษาภาค" ในมาตรา13 ที่ให้อธิบดีผู้พิพากษาภาคมีอำนาจ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา11 ที่เป็นอำนาจของอธิบดีศาลชั้นต้น และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลด้วย เช่นมาตรา11(1) มีอำนาจในการทำความเห็นแย้งคำพิพากษาของเจ้าของสำนวนและ(4) อธิบดีผู้พิพากษาภาคมีอำนาจในการให้คำแนะนำ ผู้พิพากษาในข้อขัดข้องเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี