บุรีรัมย์หนุ่มวัย 46 ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มานานกว่า 7 ปี ภรรยาแยกทาง อาศัยอยู่กับลูกชายวัย 17 ปี ลำพัง ปัจจุบันลูกต้องหยุดเรียนกลางคันออกมาทำงานรับจ้างหาเลี้ยงพ่อ เพื่อนบ้านผู้นำชุมชนสงสารนำข้าวอาหารหยิบยื่นให้ตามกำลัง แต่ที่ห่วงกลัวถูกยึดบ้านเพราะเป็นหนี้เกือบ 3 แสนบาท วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
8 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านสนวน ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีชายคนหนึ่งป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ภรรยาแยกทาง อาศัยอยู่กับลูกชายวัย 17 ปีเพียงลำพัง แต่ปัจจุบันลูกชายต้องหยุดเรียนกลางคันเพื่อไปทำงานรับจ้างหาเลี้ยงพ่อ สร้างความเวทนาสงสารให้กับชาวบ้านที่พบเห็น
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ก็พบนายสุประสิทธิ์ วงศ์รัมย์ อายุ 46 ปี นั่งอยู่บนโต๊ะไม้บริเวณชั้นล่างภายในบ้านตามลำพัง ในสภาพที่ไม่สามารถเดินไปมาหรือช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมานานกว่า 7 ปี บนโต๊ะก็จะมีจานข้าวเปล่าวางทิ้งไว้ให้
เมื่อสอบถามนายสุประสิทธิ์ ซึ่งพอจะพูดคุยสื่อสารได้บ้างเล็กน้อย บอกว่า ลูกชายออกไปทำงานรับจ้างในตัวเมืองบุรีรัมย์ ตนเองต้องนั่งอยู่แบบนี้ทั้งวันรอลูกชายทำงานเสร็จจึงจะกลับมาดูแลหาข้าวให้กิน
จากการสอบถามนายสายันต์ อินพิทักษ์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านสนวน ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้นายสุประสิทธิ์ เป็นคนร่างกายแข็งแรงขยันทำงานเก่ง ที่ผ่านมาเคยไปทำงานที่ประเทศไต้หวันถึง 2 ครั้ง จนมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว สร้างบ้าน ซื้อที่นา และรถไถเป็นของตัวเอง กระทั่งเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนก็เริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งน่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ เพราะพ่อและญาติพี่น้องหลายคนก็เป็นในลักษณะเดียวกัน ตอนเริ่มแรกก็ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ทำงานหนักไม่ได้
จนกระทั่ง 3 ปีต่อมา มีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถเคลื่อนไหวไปมา หรือช่วยเหลือตัวเองได้เลย โดยช่วงที่นายสุประสิทธิ์ ทำงานไม่ได้ ภรรยาก็ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวแทน กระทั่งทราบว่าภรรยาไปมีครอบครัวใหม่แล้ว โดยพาลูกคนโต และคนกลางไปด้วย เหลือเพียงลูกชายคนเล็ก อายุ 17 ปี ที่อยู่กับพ่อ เพราะยังเรียนหนังสือซึ่งแม่ก็จะส่งเงินมาให้บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลพ่อและเป็นค่าเล่าเรียน ลูกชายคนเล็กที่อยู่ด้วยจึงต้องหยุดเรียนกลางคัน เพื่อมาดูแลพ่อและไปทำงานรับจ้างในตัวเมือง เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและพ่อที่ป่วย
โดยช่วงที่ลูกออกไปทำงาน ก็จำเป็นต้องทิ้งพ่อไว้บ้านคนเดียวตามสภาพ บางครั้งญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านเห็นก็จะนำข้าวปลาอาหารมาให้กินบ้างตามกำลังที่พอจะช่วยได้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือปัจจุบันนายสุประสิทธิ์ มีหนี้สินอยู่เกือบ 3 แสนบาท ที่นำไปจำนองไว้กับธนาคารเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปทำงานไต้หวัน แต่พอป่วยไม่สามารถทำงานได้อีก ก็ทำให้ไม่มีเงินไปชำระหนี้ได้ตามกำหนด จึงเกรงว่าหากไม่มีเงินไปชำระหนี้ก็อาจจะถูกยึดบ้านพร้อมที่ดินที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ทั้งสองพ่อลูกไม่มีที่อยู่อาศัย กรณีดังกล่าวก็อยากจะวิงวอนให้ผู้ใจบุญหรือผู้มีจิตศรัทธา ช่วยเหลือสองพ่อลูกด้วย
ด้านนายกนกศักดิ์ เสงี่ยมศักดิ์ กำนัน ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ บอกว่า สองพ่อลูกมีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าสงสารมาก ที่ผ่านมาก็ได้ประสานทาง พมจ.และองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ด เข้ามาช่วยเหลือแล้ว แต่ด้วยระเบียบและงบประมาณของทางราชการ ก็จะสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นห่วงคืออนาคตของน้องที่ต้องหยุดเรียนกลางคันเพื่อมาทำงานเลี้ยงดูพ่อป่วย และเรื่องหนี้สินที่ไม่รู้จะหาทางออกยังไง เพราะหากไม่มีเงินใช้หนี้ก็อาจจะถูกยึดบ้าน ซึ่งจะยิ่งทำให้สองพ่อลูกไม่มีที่อยู่อาศัย จึงอยากวิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือเรื่องการศึกษา และหนี้สิน เพื่อให้ทั้งสองพ่อลูกสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้โดยไม่ลำบากมากไปกว่านี้
ทั้งนี้หากใครต้องการจะช่วยเหลือสองพ่อลูกสามารถติดต่อได้ที่ผู้ใหญ่บ้าน หมายเลขโทรศัพท์ 090-376-8472 หรือบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี นางนิจ แก้วศรีใส และนายกนกศักดิ์ เสงี่ยมศักดิ์ และนายสายันต์ อินพิทักษ์ หมายเลขบัญชี 791-0-46907-1 บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาบิ๊กซี บุรีรัมย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี