ชงต่อยอด‘ชิมช้อปใช้’
ททท.จัดเต็ม
ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย
วันธรรมดาราคาช็อกโลก
ภาคเอกชนขานรับกระหึ่ม
จ่อเปิดแถลงใหญ่17ตค.นี้
ช็อปรัวๆ กันอีกรอบ ต่อเนื่องมาตรการ“ชิมช้อปใช้”กระตุ้นท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้าย ททท.ผุดโปรแกรม “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย”และ“วันธรรมดาราคาช็อกโลก” เคาะลงทะเบียน 4 วัน ดีเดย์11 พฤศจิกายนนี้ โดยมีสินค้าท่องเที่ยว 4 หมื่นรายการ เข้าร่วมรวมทั้ง“เรือยอชต์หรู”ลดราคาเพียบ
เมื่อวันที่ 10ตุลาคม น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หลังจากประชุมร่วมกับผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของ 2 มาตรการเสริมชิมช้อปใช้ ได้แก่ “ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย” และ “วันธรรมดาราคาช็อกโลก” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ หลังมีผู้ประกอบการหลายร้อยรายสนใจเข้าร่วม เพื่อจำหน่ายสินค้าท่องเที่ยว เช่น ที่พักโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ร้านอาหาร สปา และบริการเช่าเรือยอช์ต โดยจะเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับรายละเอียดของการเข้าร่วมทั้ง 2 มาตรการในวันที่ 17 ต.ค.นี้
ล่าสุด ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าสินค้าท่องเที่ยวทั้ง 40,000 รายการที่เข้าร่วมมาตรการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย ซึ่งจะมีการขายในราคาพิเศษ 100 บาทต่อรายการนั้น จะเปิดให้ลงทะเบียน 4 วัน ได้แก่ 11/11 หรือวันที่ 11 พ.ย., 12/11 หรือวันที่ 12 พ.ย., 11/12 หรือวันที่ 11 ธ.ค. และ 12/12 หรือวันที่ 12 ธ.ค.นี้
ด้านมาตรการวันธรรมดาราคาช็อกโลก พบว่ามีผู้ประกอบการสนใจนำสินค้าท่องเที่ยวราคาพิเศษที่ทุกคนเอื้อมถึงเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ทั้งโรงแรม เรือยอช์ต และอื่นๆ แต่จะมีเงื่อนไขกำหนดให้เดินทางได้ในวันธรรมดา หรือตั้งแต่วันจันทร์-พฤหัสบดีเท่านั้นใน 2 เดือนสุดท้ายของปี ตั้งแต่ พ.ย.-ธ.ค.นี้ รวมจำนวน 32 วัน เช่น เรือยอช์ตสำหรับ 10คน ราคาเช่าลดเหลือ 19,900 บาท จากปกติค่าเช่าอยู่ที่ 40,000-50,000 บาท หากนักท่องเที่ยวไทยสนใจเปิดประสบการณ์ใหม่ในการล่องเรือยอช์ต ค่าใช้จ่ายต่อหัวเฉลี่ยอยู่ที่คนละ 1,990 บาทเท่านั้น ขณะที่ค่าเช่าซูเปอร์ยอช์ตสำหรับ 8 คน ปกติแล้วจะมีราคาสูงเกินเอื้อมสำหรับนักท่องเที่ยวชนชั้นกลาง แต่พอมีการนำมาร่วมมาตรการวันธรรมดาราคาช็อกโลก พบว่าค่าเช่าลดลงมาอยู่ระดับหลักแสนบาท
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณี นายพิชัย นริพทะพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย น ออกมาโจมตีมาตรการชิมช้อปใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ รัฐบาลหลงทาง มาตรการชิมช้อปใช้เป็นมาตรการหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่ประเทศได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งมาตรการดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศขับเคลื่อนไปได้ ที่สำคัญ ประชาชนทั่วประเทศได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว
“ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อรัฐบาลทำโครงการดีๆ ให้ประชาชน ฝ่ายค้านจะออกมาคัดค้านตลอด จะมาอิจฉาอะไรรัฐบาล นายกฯ และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เดินมาถูกทางแล้ว นายพิชัยจึงออกมาโจมตี คงทำใจไม่ได้ที่เห็นรัฐบาลทำอะไรดีๆ กลัวพี่น้องประชาชนจะมารักรัฐบาลมากเกินไป”นายธนกรกล่าว
ทั้งนี้ มาตรการชิมช้อปใช้เป็นมาตรการที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ไม่ได้เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแต่อย่างใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากเงินสนับสนุนของรัฐ 1,000 บาท และเงินที่ผู้ได้รับสิทธิ์เติมเงินเพื่อใช้จ่าย โดยได้รับเงินชดเชยอีกส่วนหนึ่ง
นายธนกรกล่าวต่อว่า มรตรการดังกล่าวประชาชนมากกว่า 10 ล้านคนได้รับประโยชน์ และขณะนี้มีคนใช้สิทธิ์เต็มจำนวน 10 ล้านราย ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท ในทางเศรษฐศาสตร์เมื่อมีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค จะเกิด Multiplier Effect จะทำให้ผลกระทบรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-3.5 เท่า (ภายใต้เงื่อนไข ประชาชนบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 60-70 ของวงเงินที่ได้รับ) ในการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนภายในประเทศอันเป็นองค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจไทยเป็นสำคัญ โดยการบริโภคภาคเอกชนมีสัดส่วนร้อยละ 50 ของ GDP นอกจากนี้ ผู้ได้รับสิทธิ์สามารถใช้จ่ายเงินของตัวเองในร้าน ชิมช้อปใช้ ได้มากถึง 30,000 บาทต่อคน โดยได้รับเงินชดเชยร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก มั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าที่ร้อยละ 0.2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี