วันที่ 11 ตุลาคม 2562 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามร่วมกับเจ้าหน้าที่จับกุมนายเจอ ประกาสิทธิ อายุ 79 ปี ชาวจว.อุดรธานี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.280/2553 ลง 4 มิ.ย.53 ต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “โดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม” ที่ วัดแห่งหนึ่ง ใน ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จว.มหาสารคาม
พฤติการณ์การก่อเหตุก่อนถูกจับกุมก่อนเกิดเหตุ นายเจอ ประกาสิทธิ อายุ 79 ปี พักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกสาว ที่จ.อุดรธานี นายเจอฯ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการประกอบศาสนพิธีในหมู่บ้าน จนได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้านในหมู่บ้าน
ต่อมาเมื่อประมาณกลางปี 2550 ขณะที่ผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงอายุได้ประมาณ 11 ปี ได้ไปเล่นกับหลานของ นายเจอฯ ที่บ้านหลังที่ผู้ต้องหาพักอยู่ระหว่างนั้นผู้ต้องหาได้เรียกให้ผู้เสียหายเข้ามาพบภายในห้อง จากนั้นได้ออกอุบายให้ผู้เสียหายถอดเสื้อผ้าแล้วได้ลงมือกระทำชำเราผู้เสียหายจนผู้ต้องหาสำเร็จความใคร่ เสร็จแล้วได้ให้เงินแก่ผู้เสียหาย 100 บาท พร้อมกับข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้บอกใครหลังจากนั้นหลังจากนั้นผู้ต้องหาก็ได้กระทำชำเราผู้เสียหายเรื่อยมาจำนวนหลายครั้งหลายคราว โดยระยะหลังที่ผู้เสียหายเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษา ผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายมากระทำชำเราที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง โดยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 53
ต่อมาพ่อแม่เด็กหญิงทราบเรื่อง จึงเรียกนายเจอฯ มาตกลงพูดคุยกับเรื่องที่เกิดขึ้น นายเจอฯ ได้หลบหนีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อแม่ของเด็กหญิงจึงไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พงส.สภ.หนองหาน จว.อุดรธานี และออกหมายจับดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า นายเจอฯ ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปบวชเป็นภิกษุสงฆ์ จึงลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว และทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาบวชเป็นพระภิกษุที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จว.มหาสารคราม จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเมื่อ 11 ต.ค.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาวัดที่ผู้ต้องหาบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ทราบว่า นายเจอฯ หลบหนีมาบวชที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.วาปีปทุม จว.มหาสารคราม จึงเข้าตรวจสอบพบ นายเจอฯ นุ่งห่มผ้าเหลืองบวชเป็นพระอยู่ภายในวัดเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับให้ตรวจสอบดู
จนเป็นที่พอใจ และเข้าใจข้อความในหมายจับดีแล้ว ซึ่งนายเจอฯ รับว่าตนเองเป็นบุคคลที่มี ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและที่อยู่ตรงกับหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับหมายคดีนี้มาก่อน และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ต่อมา นายเจอฯ ได้ออกอุบายขอเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมว่าตัวเองแก่แล้วสุขภาพไม่ค่อยดี ขอเวลาให้ได้ฉันอาหารเพลและได้กินยาที่ศาลาก่อนที่จะพาไปทำการสึก นายเจอฯ ได้อาศัยจังหวะนั้นกระโดดลงทางหน้าต่างทางด้านหลังศาลาที่ฉันเพลวิ่งหลบหนีไปทางหลังวัดเข้าไปหลบหนีในบ้านของชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปจนสามารถจับกุมได้ จึงได้เชิญตัวกลับไปที่วัดและได้ทำการขอให้เจ้าคณะอำเภอลาสิกขา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุม นำตัวไปทำบันทึกจับกุมที่ สภ.วาปีปทุม จว.มหาสารคาม และนำตัวส่ง พนักงานสอบสวนพื้นที่เกิดเหตุ สภ.หนองหาน ภ.จว.อุดรธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวห
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี