เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กำกับดูแลงานด้านสิทธิผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก การศึกษา และการสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีหนังสือ ที่ ตช 0032.34/1184 ลงวันที่ 17 พ.ค.2562 ถึงเลขาธิการ กสม.แจ้งว่า ปัจจุบันเมื่อมีการขอตรวจสอบประวัติบุคคล จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หากพบว่าข้อมูลประวัติของผู้ที่ถูกตรวจสอบเป็นเด็กและเยาวชน เคยกระทำความผิดทางอาญา กองทะเบียนประวัติอาชญากร ก็จะไม่เปิดเผยข้อมูลประวัติให้กับหน่วยงานที่ขอตรวจสอบ
ทั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 84 ซึ่งก่อนหน้านี้ กสม.ได้ออกข้อเสนอแนะตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 247 (3) ที่ 4/2560 ลงวันที่ 1 ส.ค.2560 ไปยัง สตช.เรื่อง ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบ อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิเด็กในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา กรณีการเปิดเผยประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชน
ซึ่ง กสม.มีความเห็นว่า ระเบียบ สตช.ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2557 นั้น มีบทบัญญัติบางส่วนที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก และไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 84 เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว มุ่งคุ้มครองสิทธิของเด็กและเยาวชน โดยป้องกันมิให้มีการเปิดเผยประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชนที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
คุ้มครองเด็กและเยาวชนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญาหรือถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด ให้ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากผู้ต้องหาหรือจำเลยที่เป็นผู้ใหญ่ โดยให้ได้รับผลกระทบจากการต้องถูกดำเนินคดีและควบคุมตัวน้อยที่สุด สำหรับเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาความประพฤติหรือกระทำความผิดทางอาญา ได้รับโอกาสแก้ไขให้สามารถเติบโตเป็นพลเมืองดีของสังคม โดยมีสมมติฐานว่าเด็กและเยาวชนกระทำความผิดใดๆ ไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดวุฒิภาวะ ตลอดทั้งสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลในการผลักดันความประพฤติของเด็ก
นางฉัตรสุดา กล่าวต่อไปว่า แม้ สตช.ได้แก้ไขระเบียบว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2557 เมื่อเดือน ส.ค.2561 แต่ในทางปฏิบัติ พบว่ายังมีการเปิดเผยประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชน จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถเข้าทำงานได้ทั้งในองค์กรภาครัฐและเอกชน เป็นผลให้การคืนเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาดกลับสู่สังคมไม่เป็นไปตามที่มุ่งหวัง กสม.จึงได้ติดตามเรื่องนี้ และสร้างความเข้าใจกับ สตช.รวมถึงกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
กระทั่ง สตช.ได้ออกหนังสือลงวันที่ 17 พ.ค.2562 ที่กล่าวไปข้างต้นมา ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดี ทั้งนี้ในโอกาสที่ปี 2562 เป็นปีครบรอบ 30 ปี แห่งอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติที่มีสาระสำคัญ คือ การดำเนินการทั้งหลายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอันดับแรก ตนขอชื่นชมความพยายามของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตช.ที่ตอบรับข้อเสนอแนะของ กสม.จนมีการแก้ไขระเบียบและมีแนวปฏิบัติในการไม่เปิดเผยประวัติข้อมูลการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชน
"การดำเนินการนี้แสดงให้เห็นถึงความตระหนักร่วมกันในการคุ้มครองสิทธิของเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาดเพราะขาดวุฒิภาวะหรือการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ให้ได้รับโอกาสในชีวิตอีกครั้ง ทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน หรือการสร้างครอบครัว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการไม่เปิดเผยประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชน จะเป็นการปิดช่องว่างสำคัญที่ทำให้เด็กและเยาวชนผู้ก้าวพลาด หลงผิด ได้มีโอกาสกลับตนเป็นคนดี มีหนทางที่ดีในชีวิต ไม่หวนไปกระทำผิดซ้ำ และกลับมามีที่ยืนในสังคมอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" นางฉัตรสุดา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี