ค้านแบน3สาร
ชาวไร่ฮือบุกก.เกษตรฯ
งัดข้อมูลโต้ฝ่ายหนุน
แฉใช้ทฤษฎีสมคบคิด
กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจเตรียมตั้งโต๊ะแถลง 21 ตุลาคมแจงความเดือดร้อนถ้าเลิกใช้ 3 สารเคมี เปิดข้อมูลโต้เอ็นจีโอฝ่ายหนุนแบน จ่อบุกร้องรมว.เกษตรฯแก้ปัญหา ถ้าเลิกใช้เดือดร้อนหนัก ซัด 3 พวกที่เดินหน้าให้ยกเลิกเป็นทฤษฎีสมคบคิด ไม่ได้ทำเพื่อเกษตรกร แต่ยังสร้างความวุ่นวายในสังคม จี้เปิดข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ให้คนทั้งปท.รับรู้ก่อนร่วมกันตัดสินใจ
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย เปิดเผยว่า วันที่ 21 ตุลาคม เวลา 10.00 น. กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก 6 ชนิด ได้แก่ อ้อย ปาล์มน้ามัน ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผลจะเปิดแถลงข่าวที่โรงแรมเอเชีย เพื่อชี้แจงข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับผลกระทบต่อเกษตรกร หากรัฐยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดคือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต โดยเฉพาะพาราควอต ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชที่มีประสิทธิภาพและราคาถูก
อีกทั้ง จะแสดงข้อมูลแย้งข้อมูลของกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่ระบุว่า พาราควอตตกค้างในพืชผัก ซึ่งเป็นเรื่องเท็จ เนื่องจากพาราควอตมีฤทธิ์เผาไหม้ เกษตรกรใช้ฉีดกำจัดหญ้าเท่านั้น ไม่ได้ฉีดใส่ต้นผักหรือไม้ผล ผู้แทนเอ็นจีโอยังกล่าวด้วยว่า มีเกษตรกรใช้เครื่องพ่นยากำลัง 6 สูบฉีดพาราควอตต้นทุเรียนนั้น แสดงให้เห็นแล้วว่า สร้างความน่ากลัวเกินเหตุ เพราะการฉีดยาฆ่าหญ้าใช้เครื่องพ่นขนาดเล็กและจะระวังไม่ให้ถูกไม้ประธานเพราะต้นไม้จะเสียหาย
นายสุกรรณ์กล่าวต่อว่า ในช่วงบ่ายจะไปที่กระทรวงเกษตรฯ ขอเข้าพบนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เพื่อนำเสนอข้อมูลการใช้สารเคมีของเกษตรกร และขอให้แก้ปัญหานี้ ในฐานะที่รมว. เฉลิมชัยเป็นผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมีหน้าที่ต้องดูแลเกษตรกร ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรเชื่อว่า การเร่งเดินหน้ายกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดเป็น “ทฤษฎีสมคบคิด” ของ 3 กลุ่มคือ องค์กรที่อ้างว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชน นักการเมืองโกหกที่ต้องการให้แบนสารนี้และให้ใช้สารทดแทนซึ่งมีราคาแพงกว่า โดยตั้งบริษัทนำเข้าสารเคมีทดแทนไว้แล้ว และนักวิชาการที่ให้ข้อมูลบิดเบือน การที่กลุ่มบุคคลนี้ป่าวประกาศว่า ประเทศไทยอาบยาพิษส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตร จึงไม่ได้เป็นการทำเพื่อเกษตรกร ทั้งยังทำให้เกิดความขัดแย้งวุ่นวายในสังคม
“รัฐจะให้เกษตรกรเลิกใช้พาราควอต ขณะที่นำเข้าผักและผลไม้จำนวนมากจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้พาราควอต ดังนั้น หากเกรงว่า พาราควอตเป็นพิษ คนไทยยังต้องบริโภคพืชผักจากประเทศอื่นที่ใช้พาราควอตอยู่ ขอเรียกร้องให้ผู้บริหารนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์มาแสดงให้ประชาชนทั้งประเทศรับทราบและมีส่วนในการตัดสินใจ เนื่องจากที่ผ่านมา เอ็นจีโอออกมาให้ข้อมูลฝ่ายเดียว ขณะที่กรมวิชาการเกษตรซึ่งกำกับดูแลการใช้สารเคมีทางการเกษตรไม่ได้นำเสนอข้อมูลทางวิชาการใดๆ เลย” นายสุกรรณ์กล่าว
ด้านนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า ควรแยกการพิจารณาสารทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากเป็นสารคนละประเภท ระดับความเป็นพิษไม่เท่ากัน และวิธีการใช้ให้เหมาะสมก็แตกต่างกัน โดยคลอร์ไพรีฟอส ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงที่มีระดับความเป็นพิษปานกลาง หากใช้ไม่เหมาะสมอาจจะมาถึงผู้บริโภคได้ หากรัฐต้องการยกเลิกสามารถยกเลิกได้เลย ส่วนพาราควอต เป็นยาฆ่าหญ้า ซึ่งวิธีการใช้ไม่ได้ทำให้ส่งผลตกค้างมามาสู่ผู้บริโภค จึงควรกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อให้ใช้ได้อย่างเหมาะสม ได้แก่ อบรมเกษตรกรสาร รวมทั้งมีระเบียบการเก็บรักษาไม่ให้เสี่ยงเป็นอันตราย สำหรับไกลโฟเซต ยาฆ่าหญ้าอีกชนิดนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารโลก FAO จัดเป็นสารที่ใช้ได้โดยไม่ก่อให้อันตรายต่อสุขภาพ เพราะเป็นสารที่มีระดับความเป็นพิษต่ำ ประเทศที่ต้องการยกเลิกใช้พาราควอต มักนิยมใช้ไกลโฟเซตเป็นสารทดแทน จึงไม่จำเป็นต้องยกเลิก
นายเจษฎายังเสนอด้วยว่า ทางออกที่รัฐควรเร่งทำคือ จัดเวทีให้ผู้แทนฝ่ายหนุนและต้านการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด นำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาเสนอให้ประชาชนรับทราบ แล้วให้สังคมมีส่วนร่วมตัดสินใจ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นการนำเสนอปัญหา ผลกระทบ และทางแก้ที่เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลเชิงประจักษ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเวทีตอบโต้กล่าวหากันไปมา ซึ่งปรากฏในโซเชียลมีเดียมานานแล้ว
“ขณะนี้พบว่า เมื่อฝ่ายหนึ่งหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาตอบไม่ได้ก็ใช้วิธีกล่าวหาตัวบุคคล ใครที่แสดงความเห็นว่า ต้องการใช้สารเคมีทางการเกษตรกลายเป็นผู้ร้าย โดยไม่ได้คำนึงว่า เกษตรกรยังจำเป็นต้องมีเครื่องมือประกอบอาชีพ หากผู้บริหารห่วงเรื่องความปลอดภัย ควรรับฟังข้อมูลให้รอบด้าน การกล่าวว่า ผู้บริหารไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องจึงเป็นคำพูดที่น่ากังวลมาก เนื่องจากปัญหาสำคัญนั้น ผู้บริหารต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจ ใช้อารมณ์และความรู้สึกไม่ได้ แต่ไม่แน่ใจว่า จะสายเกินไปหรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะประชุมวันที่ 22 ตุลาคม ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบยังโยนกันไปมาและเลี่ยงที่จะแก้ปัญหา ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดคือ เกษตรกรทั้งประเทศ” รศ. เจษฎากล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี