โค้งสุดท้าย"อนุทิน"แทคทีม"มนัญญา"สาธารณสุข-เกษตรกร-ภาคประชาชน แสดงพลังเดินหน้าแบน 3 สารเคมี ย้ำจุดยืนให้เปิดเผยการลงมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย
จากกรณีที่ในวันที่ 22 ตุลาคม คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดอนาคตของการใช้ 3 สารพิษทางการเกษตร พาราควอต ไกรโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
21 ตุลาคม 2562 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข อาทิ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมกันแสดงจุดยืนแบนสารพิษ
นอกจากนี้ยังมีภาคเกษตรกร และภาคประชาชน นำโดย นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ. จุฬาลงกรณ์, รศ. ดร. พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล มหาวิทยาลัยนเรศวร, ศ.ดร. พรพิมล กองทิพย์ อ. ประจำภาควิชาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, นางสาวปรกชล อู่ทรัพย์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN), นายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้และเลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สกยท.) เข้าร่วมประชุมด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ เกิดขึ้นด้วยความสมัครใจเพื่อแสดงจุดยืนเรื่องการไม่เอาสารพิษ ซึ่งไม่ได้เพียงช่วยเกษตรกร แต่ช่วยประชาชนทุกคน ให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และอย่ามาถามว่าจะเอาอะไรมาทดแทน เพราะกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีหน้าที่ในการจัดหาสารทดแทน งานของเราคือตรวจสอบว่าอะไรอันตรายกับสุขภาพ และเดินหน้าจัดการทันที อย่าเอาเรื่องกำไร ขาดทุนมาคุย เพราะชีวิตคน ตีเป็นตัวเงินไม่ได้ ถึงจะมีเงินมาก แต่ต้องเก็บไว้รักษาตัวเอง คงไม่คุ้ม
สำหรับตัวแทนของกระทรวง ซึ่งจะเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันพรุ่งนี้(22 ตุลาคม) ได้แก่ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย., นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ทั้งหมดจะโหวตแบน และจะขอให้ที่ประชุมโหวตอย่างเปิดเผย การจัดกิจกรรมก็เพื่อให้กำลังใจท่านทั้ง 3 พร้อมกับให้กำลังใจนางสาวมนัญญาด้วย ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้นับว่ามีความเสี่ยงมาก ในความเป็นจริง ท่านจะนิ่งเฉยเสียก็ได้ แต่ท่านกลับเดินหน้าเพื่อสุขภาพของประชาชน ทั้งที่อาจกระทบกับคะแนนเสียงของท่าน เมื่อท่านกล้า ก็ต้องสนับสนุน
นายอนุทิน กล่าวว่า หน่วยงานในความดูแลของนางสาวมนัญญา น่าจะแบนเหมือนกัน เช่นเดียวกับตัวแทนจากกระทรวงคมนาคม ส่วนจากกระทรวงอื่น ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ขอให้ทราบไว้ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สะท้อนเอกภาพของรัฐบาล สำหรับสารพิษที่เป็นประเด็น มันไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องดี เพราะทุกวันนี้ ก็นำเข้าผ่านนอมินี ใช้คนอื่นบังหน้า ถ้าดีจริง เขาเปิดหน้าโชว์ไปแล้ว
"ที่บอกว่าผมโดนหลอก ผมก็คิดว่า ถ้าหลอกแล้ว มันทำให้คนไทยสุขภาพดี ก็ไม่เป็นไร รู้ว่าหลอก แต่เต็มใจให้หลอก"นายอนุทิน กล่าว
ด้านางสาวมนัญญา กล่าวว่า จุดกำเนิดของเรื่องนี้มาจากสมัยทำงานการเมืองท้องถิ่น เห็นมีการใช้สารข้างต้น ฉีดฆ่าหญ้า แล้วมีคนเดินผ่าน ปรากฏว่าเท้าเน่า ทุกข์ทรมาณ เห็นแล้วคิดว่าไม่ดีแน่นอน ต้องหาทางแก้ไข บางครั้งลงพื้นที่ มีคนมาบอกว่า อย่าเดินผ่านตรงนั้น ตรงนี้ เพราะเพิ่งฉีดยา พิษมันแรงขนาด แต่เราฉีดลงไปในพื้นที่ซึ่งปลูกผักผลไม่ให้คนกิน จึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
"ที่เห็นคือสารดังกล่าวทำให้เกิดวงจรการเจ็บป่วยและเสียชีวิต แม่เผาลูก ลูกเผาแม่ และด้วยเพราะเราใช้สารเคมีอย่างหนักมาตลอด หากต้องการปลูกพืช ให้ได้ผลผลิตที่สะอาด ต้องขุดหน้าดินประมาณหนึ่งฟุต จากนั้น จึงจะเริ่มปลูกได้ ถ้ายิ่งใช้ต่อไป ต้องขุดหน้าดินเพิ่มเท่าไร ถึงวันนั้น อาจไม่ทันการ อยากฝากถึงคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่จะโหวตในวันพรุ่งนี้ ขอให้ตัดสินใจ โดยนึกถึงพี่น้องประชาชน"นางสาวมนัญญา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันพรุ่งนี้(22 ตุลาคม)นั้น ได้ถูกหลายฝ่ายจับตาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากก่อนหน้านี้นายอนุทิน ประกาศเดิมพันเก้าอี้ว่า หากไม่มีมติแบน 3 สารพิษดังกล่าว รัฐมนตรีของพรรคทั้ง 4 คนก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี