ตร.หอบสำนวนคดีบึ้มกรุงกว่า13,000หน้า ฟ้อง21ผู้ต้องหาให้อัยการพิจารณา มั่นใจสั่งคดีทัน
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 24 ตุลาคม 2562 ที่ห้องประชุม 100 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา, นายพรชัย ชลวาณิชกุล, นายอิทธิพร แก้วทิพย์, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดี ฯและนายเชาว์ บุญฤทธิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร., พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป.และคณะพนักงานสอบสวนคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่ กรุงเทพฯ และพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2562 ร่วมแถลงข่าวภายหลังส่งมอบสำนวนการสอบสวน หลักฐานจำนวน 4 ลัง เอกสารกว่า 13,000 หน้า พยานกว่า 250 ปาก พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 21 คน ข้อหาอั้งยี่-ซ่องโจร, ร่วมกันก่อการร้าย และข้อหาอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 รวม 11 ข้อหา
โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร กล่าวว่า เรื่องนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 2 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ร่วมกันสืบสวนสอบสวน โดยเอกสารหลักในสำนวนมี 13,000 แผ่น สอบพยานไปกว่า 250 ปาก มีผู้ต้องหา ทั้งหมด 21 คน แต่ผู้ต้องหา 18 คน หลบหนีออกนอกประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงคดีนี้เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคงเรื่องแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มก่อความไม่สงบรายใด หรือเป็นกลุ่มการเมือง รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ขอให้มั่นใจในการรวบรวมพยานหลักฐานเราจะทำทุกช่องทางเท่าที่ทำได้ ส่วนจะเกี่ยวพันกับด้านความมั่นคงหรือการเมืองอย่างไรนั้น อาจพูดไม่ได้ชัดนัก เพราะเป็นประเด็นที่จะต้องต่อสู้กันในชั้นศาล ตนจึงขอสงวนการตอบถึงข้อมูลนี้ก่อน
ขณะที่ นายสิงห์ชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า คดีนี้มีการกระทำความผิดในพื้นที่นอกราชอาณาจักรด้วย ดังนั้นขั้นตอนในการสั่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ให้อำนาจอัยการสูงสุด เป็นผู้สั่งคดี ดังนั้นเมื่อรับมอบสำนวนสอบสวนแล้ว ก็จะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาโดยผ่านสำนักงานคดีอัยการสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานคดีอาญา ก็ตั้งคณะทำงาน 6 คนจากสำนักงานคดีอาญา 6 โดยมี นายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งจะดูแลในส่วนของการร่างคำฟ้อง หากอัยการสูงสุดมีความเห็นทางคดีออกมาว่าสั่งฟ้อง
ด้าน นายพรชัย รองอธิบดีอัยการคดีอาญา กล่าวว่า แม้ว่าระยะเวลาการควบคุมผู้ต้องหา จะมีระยะเวลาการฝากขังในส่วนของผู้ต้องหา 3 คน จาก 21 ราย เหลืออีกเพียง 12 วัน แต่ก็มั่นใจว่าจะพิจารณาสำนวนทั้งหมดได้ทันตามกรอบระยะเวลา อย่างไรก็ดี มีผู้ต้องหาทีู่กจับกุมได้ 3 คนถูกคุมตัวฝากขังมาแล้ว 6 ผลัด หลังพิจารณาสำนวนอย่างถี่ถ้วนแล้วจะแถลงความคืบหน้ากับสื่อมวลชนต่อไป
ส่วน พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป.เปิดเผยว่า คดีนี้คนร้ายมีพฤติการณ์ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด สืบเนื่องจากเหตุการณ์ ระเบิดที่หน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีเหตุการณ์ต่อเนื่องในพื้นที่ กทม. และ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวน สรุปสำนวนได้ 18 คดี ประกอบด้วยพื้นที่ สน.ปทุมวัน 4 คดี, สน.ยานนาวา 2 คดี, สจ.พญาไท 7 คดี, สน.ทุ่งสองห้อง 4 คดี และ สภ.ปากเกร็ด 1 คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 21 รายนั้น ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหาอั้งยี่และซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209, 210 นอกจากนี้ ผู้ต้องหาที่ 1 - 15, 20 ยังถูกแจ้งข้อหาร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นและโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า, ร่วมกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส, พาอาวุธ (ระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันทำ ใช้ มีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อีก 9 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, 289 (4), 221, 222 ประกอบมาตรา 217, 218, 224 วรรคสอง, 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ มาตรา 38, 74 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15, 42
ส่วนผู้ต้องหาที่ 16-20 มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องอีก 6 ข้อหา ฐานใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นและโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า และร่วมกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/1, 289 (4), 221, 222 ประกอบมาตรา 217, 218, 224 วรรคสอง
โดยในส่วนของผู้ต้องหาขณะนี้มี 3 คน ที่อยู่ในอำนาจการฝากขังของศาลอาญาคือ นายลูไอ แซแง , นายวิลดัน มาหะ และนายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ อยู่ระหว่างถูกคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง
ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 - 20 รวม 18 คนนั้น หลบหนีออกนอกประเทศ แต่ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.ย. 2562 โดยคดีมีอายุความ 20 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตาม ตามขั้นตอนของกฎหมาย เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับรายชื่อผู้ต้องหาทั้งหมด ประกอบด้วย นายลูไอ แซแง ผู้ต้องหาที่ 1, นายวิลดัน มาหะ ผู้ต้องหาที่ 2, นายอุสมัน ลาเตะ ผู้ต้องหาที่ 3, นายฮาซัน อาแว ผู้ต้องหาที่ 4, นายนัสรู มะประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5, นายฮาแซ แบเล๊าะ ผู้ต้องหาที่ 6, นายมะยูโซะ หะยีสามะ ผู้ต้องหาที่ 7, นายฮากีม ปุนยัง ผู้ต้องหาที่ 8, นายอัสมี อาบูวะ ผู้ต้องหาที่ 9, นายอุสมาน เปาะลอ ผู้ต้องหาที่ 10, นายอัมรี มะมิง ผู้ต้องหาที่ 11, นายศรัทธา อาแว ผู้ต้องหาที่ 12, นายอุสมาน เจ๊ะเต๊ะ ผู้ต้องหาที่ 13, นายสุกรี ดือรามัน ผู้ต้องหาที่ 14, นายมะยากี มะลาชิง ผู้ต้องหาที่ 15, นายมะนูเด็น สามะ ผู้ต้องหาที่ 16, นายมูฮำมัดอาดีลัน สาและ ผู้ต้องหาที่ 17, นายอารีฟ มะเซ็ง ผู้ต้องหาที่ 18, นายซุลกิฟลี มะสาแมง ผู้ต้องหาที่ 19, นายรอแปะอิง อุเซ็ง ผู้ต้องหาที่ 20 และนายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ ผู้ต้องหาที่ 21
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี