“ที่ปรึกษารมว.ศธ.”ถกนัดแรกคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ แจกการบ้าน 1 เดือน นัดดีเบตหาข้อดีเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการศึกษา ไม่หวั่นครูแต่งดำประท้วง ยันยังไม่มีธงยุบ“สพท.-ศธจ.”
28 ตุลาคม 2562 นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ที่ปรึกษา รมว.ศธ) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในภูมิภาค ว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการฯนัดแรก จึงได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าการปฏิรูปโครงสร้างกระทรวง จริงๆแล้วไม่ใช่จุดประสงค์หลักของกระทรวงศึกษาธิการ แต่จุดประสงค์หลักสำคัญคือเราต้องการปฏิรูปการศึกษาให้มีคุณภาพ และหากพูดถึงคุณภาพการศึกษาก็จะต้องมาดูที่ตัวครู และผอ.โรงเรียน โดยจะต้องพัฒนาครู ซึ่งหนี้ครูก็มีผล เราจึงมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ครู เพื่อให้ครูมีสมาธิในการสอน เพื่อส่งผลให้คุณภาพการศึกษาดีขึ้น เมื่อพัฒนาครูแล้วก็ต้องพัฒนา ผอ.โรงเรียนให้บริหารจัดการโรงเรียน การศึกษาให้มีคุณภาพตามนโยบายของกระทรวงศึกษาฯ
“วันนี้ผมได้แจกโจทย์ให้คณะกรรมการฯไปคิด 1 เดือนจะประชุมอีกครั้ง แต่ก่อนประชุม 10 วัน ทุกคนต้องส่งหัวข้อมาว่าแต่ละคนจะดีเบตเรื่องอะไร และใครจะเสริม จะเติม จะค้าน จะเห็นด้วยก็ว่ากันภายในก่อน ให้ดีเบตกันว่าใครเห็นว่าวิธีไหนดี วิธีไหนไม่ดี อย่างไร แล้วเราจะมาหาวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งการปรับโครงสร้างไม่มีวิธีไหนดี 100% หรือทุกคนแฮปปี้หมด แต่ต้องมีข้อดีที่สุดสำหรับกระทรวงศึกษาฯ นั่นคือหลักการ และขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มถึงเรื่องการยุบเขตพื้นที่การศึกษาใดๆทั้งสิ้น ส่วนที่มีโครงสร้างกระทรวงออกมาแล้วนั้น ไม่ได้ออกมาจากผม หรือออกมาจากคณะกรรมการฯ เขาคิดกันไปเองว่าจะเป็นแบบนี้ และถ้าเป็นแบบนี้เขาจะได้รับผลกระทบ” นายวราวิช กล่าว
นายวราวิช กล่าวอีกว่า ตนอยากจะฝากว่าการไม่ทำนั้นง่าย เราไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่ไปวันๆนั้นง่ายมาก คนเป็นรัฐมนตรีเป็นนักการเมือง ไม่มีหรอกที่อยากให้คนมาชุมนุมประท้วง แต่ที่ รมว.ศึกษาธิการ และพวกเราลุกขึ้นมาทำ เพราะคิดว่าต้องทำแล้ว แน่นอนมีคนมีปัญหา มีคนมาประท้วงก็ต้องทำความเข้าใจกัน ว่าทำไมเราถึงทำ ถ้าหลักการเราแน่น เราไม่มีผลประโยชน์อะไรทับซ้อน และเราทำเพื่อประโยชน์ของเด็ก ลูกหลานเราทุกคน และประเทศชาติ ก็ต้องทำ และจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดตามกรอบเวลา คงไม่ยืดเยื้อถึงสิ้นปี 2563 ขณะนี้มีคณะทำงานกำลังพิจารณาเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ครู และการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กอยู่
นายวราวิช กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าทิศทางของโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นอย่างไร แต่ถามว่าครูได้รับผลกระทบหรือยัง ตนบอกได้เลยว่ายังไม่ได้มีกระทบเลย แค่คิดกันไปเอง ส่วนเรื่องลิดรอนสิทธิเดิมก็เป็นไปไม่ได้ ครูมีซีอะไรอยู่ มีเงินเดือน มีค่ารถ มีเบี้ยเลี้ยงอย่างไรก็ต้องเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีการปรับโครงสร้างกระทรวง สิทธิที่ครูเคยได้อยู่ก็จะต้องได้เหมือนเดิม ศักดิ์ศรีต้องเหมือนเดิม ถ้าปรับโครงสร้างแล้วไปลดเงินเดือนครูก็ผิดกฎหมาย ส่วนที่ห่วงว่าอำนาจจะลดลงนั้น เขารู้ได้อย่างไรว่าจะลด จะยุบสำนักงายเขตพื้นที่การศึกษา หรือยุบศึกษาธิการจังหวัด เพราะยังไม่มีอะไรแน่นอน แต่การบริหารจัดการองค์กรใดก็ตามเหมือนกันหมดที่จะต้องมีทั้งการกระจายอำนาจและมีศูนย์รวมอำนาจ แต่การประชุมครั้งแรกวันนี้ตนจึงแจกการบ้านให้กรรมการทุกคนไปคิดกันมาก่อนว่าความเห็นของแต่ละคนคิดอย่างไร ให้เวลา 1 เดือน และต้องศึกษากฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีก
“ที่มีคนแต่งดำมาชุมชุมเคลื่อนไหวก็เป็นเรื่องปกติ หากมาก็ต้องชี้แจงทำความเข้าใจ แต่ขอความกรุณาทุกคนว่าอย่าเพิ่งเลย ใจเย็นๆ ขอให้ผลออกมาก่อน หรือให้ท่านทราบแน่ชัดก่อนว่าผลเป็นอย่างไร คนทำไม่สนุกหรอก ผมถึงบอกว่าทำอะไรยาก ไม่ทำอะไรง่าย และในคณะกรรมการฯมี 30 คน ผมก็ไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องเอาตามผมคนเดียว หรือทุกคนยกมือยอม ไม่มีแล้วสมัยนี้ ทุกคนมีความคิดของตัวเอง แต่วันนี้ผมสบายใจเพราะทุกคนเข้าใจบทบาท และรับรู้รับทราบว่าภาระหนัก กับสิ่งที่จะต่อต้าน แต่ทุกคนก็ยังพร้อมทำโดยยึดประโยชน์การศึกษาของเด็ก ทั้งอาชีวะฯ และ กศน. ว่าทำอย่างไรจะให้มีคุณภาพมากขึ้น หากยังไม่พัฒนาการศึกษา ประเทศไทยล้าหลังแน่นอน และยืนยันว่าขณะนี้ เรายังไม่มีธงว่าจะมีหรือไม่มีศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) หรือ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)” นายวราวิช กล่าว
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘ครู’นัด‘แต่งดำ’ค้านร่างพรบ.การศึกษาฯ 30ต.ค.รวมพลังบุกศธ.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี