ชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับ ปภ. ยังเดินหน้าสูบดึงน้ำที่ตกค้างตามลำห้วยกลับเข้าไปเติมอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เพื่อสำรองน้ำดิบไว้ให้ได้มากที่สุด เนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำ 2 อ่าง ที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงเมืองบุรีรัมย์ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ หากไม่สูบน้ำมาเติมจะใช้ได้ถึงแค่เดือน ธ.ค.เท่านั้น

29 ตุลาคม 2562 เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ยังคงเดินหน้าสูบดึงน้ำที่ตกค้างตามลำห้วย ระยะทางกว่า 6 กิโลเมตร กลับเข้ามาเติมใส่อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงตัวเมืองบุรีรัมย์ เนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำใน 2 อ่างหลัก คือ อ่างห้วยจระเข้มาก และอ่างห้วยตลาด เหลือน้ำดิบหรือน้ำต้นทุนรวมกันเพียง 3 ล้านลูกบาศก์เมตรเศษ จากปริมาณความจุอ่างกว่า 56 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งคาดว่าน้ำที่เหลือจะสามารถใช้ผลิตประปาบริการประชาชนได้ถึงประมาณกลางเดือน ธ.ค.2562

ดังนั้น จึงต้องเร่งสูบผันน้ำจากแหล่งต่างๆ มาสำรองเป็นน้ำต้นทุนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้มีน้ำดิบเพียงพอผลิตประปาหล่อเลี้ยงตัวเมืองบุรีรัมย์อย่างเพียงพอ ซึ่งหลังจากเริ่มสูบมาตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.62 จนถึงปัจจุบัน สามารถสูบน้ำดิบไปกักเก็บในอ่างได้แล้วกว่า 160,000 ลูกบาศก์เมตร และคาดว่าจะดำเนินการสูบไปจนถึงวันที่ 30 ต.ค. 62 ซึ่งจะมีน้ำเติมเข้าอ่างเพิ่มขึ้นประมาณ 420,000 ลูกบาศก์เมตร

นายเทิดพงศ์ ไทยอุดม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานบุรีรัมย์ ระบุว่า ช่วงนี้เกษตรกรมีการปล่อยน้ำออกจากพื้นที่นาลงสู่ลำน้ำสาธารณะต่างๆ ทางจังหวัดจึงได้ดำเนินการสูบน้ำจากลำห้วยที่มีน้ำไหลผ่านเข้ามาเติมในอ่างเก็บน้ำให้มีน้ำต้นทุนมากที่สุด เพื่อให้มีน้ำดิบเพียงพอผลิตประปาได้จนถึงฤดูฝนหน้า แต่หากยังไม่เพียงพอทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีแผนสูบผันน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ มาเติมจนกว่าจะเพียงพอ มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อน้ำอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน