อัยการฟ้องแล้ว"อาจารย์โหน่ง"ตุ๋นขายกรุ๊ปทัวร์ทั่วโลก เหยื่อ130คนหลงเชื่อสูญเงินหลายสิบล้าน ศาลสั่งเบิกตัวจากเรือนจำสอบคำให้การเช้า30ต.ค. แถมมีคดีเป็นหางว่าวที่เหยื่อยื่นฟ้องเอง
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 ได้นำสำนวนเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท อี แอล ซี กรุ๊ป จำกัด โดย นายภัทริคณ์ เรตะกุล ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ซึ่งประกอบธุรกิจนำเที่ยว (จัดทัวร์นำเที่ยว) และนายภัทริคณ์ เรตะกุล หรือ "อาจารย์โหน่ง" อายุ 40 ปี เป็นจำเลยที่ 1 - 2 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนหรือนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จที่จะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 , 343 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 , 14 และฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มาตรา 8
ท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ ยังขอให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้ง 130 รายด้วย
ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.284/2562 และเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การวันที่ 30 ต.ค.เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ นายภัทริคณ์ เรตะกุล กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทฯ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากไม่ได้ประกันตัวชั้นฝากขังตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับคำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 7 ม.ค.58 - 5 ส.ค.62 จำเลยทั้งสองร่วมกันทุจริตโดยร่วมกันหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งได้นำเข้าเป็นข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านการโพสต์ Facebook ในบัญชีชื่อ "ELC TOUR" , "Patrick Rathakul" , "อี แอล ซี ทัวร์" , "Pat Rathakul" , "Rathakul Patrick" ของจำเลยทั้งสอง ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปอ่าน หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้ซึ่งมีการเผยแพร่ทั้งในและระหว่างประเทศโดยมีข้อความโฆษณาทำนองว่าจำเลยทั้งสองสามารถจำหน่ายรายการนำเที่ยวประเทศต่างๆ ให้กับสมาชิกซึ่งผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกนั้นต้องเคยเดินทางท่องเที่ยวทัวร์กับจำเลยทั้งสองมาก่อนจึงจะสามารถซื้อรายการนำเที่ยวในราคาถูกกว่าปกติและอ้างว่ามีจำนวนจำกัด กับจำกัดเวลาในการขายหรือการจอง เช่น ทริปกรีซ จากราคาปกติ 105,000 บาท พิเศษราคา 39,500 บาท จำนวน 10 ท่าน ซึ่งมีการลงภาพของนักท่องเที่ยวที่ร่วมเดินทางกับจำเลยทั้งสอง ได้ในราคาที่ถูกกว่าบริษัทจัดนำเที่ยวทั่วไปพร้อมกับให้ผู้ที่สนใจสนทนาได้ผ่านช่องทางข้อความใน Facebook และจองรายการท่องเที่ยวกับจำเลยที่ 2 กระทั่งผู้เสียหายรวม 130 คนคดีนี้ หลงเชื่อและโอนเงินค่าจองรายการท่องเที่ยว เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารหลายธนาคาร ในชื่อบริษัท อี แอล ซี กรุ๊ป จำเลยที่ 1 และชื่อของนายภัคริคณ์ จำเลยที่ 2 ที่มีระบุไว้ในหลายบัญชี ตั้งแต่เดือน มี.ค.60 - 2562 ซึ่งมีการจองรายการนำเที่ยวทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา , ประเทศอังกฤษ , ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ , ประเทศนิวซีแลนด์ , หมู่เกาะมัลดีฟ , ประเทศฝรั่งเศส , ประเทศญี่ปุ่น , ประเทศกรีซ , ประเทศไอซ์แลนด์ , ประเทศออสเตรีย , ประเทศเยอรมัน , ประเทศรัสเซีย , การนำเที่ยวกลุ่มประเทศยุโรป 6 ประเทศ , นำเที่ยวกลุ่มประเทศแอฟริกาใต้ , ประเทศภูฏาน , ประเทศสกอตแลนด์ , ประเทศอิตาลี , ประเทศฟินแลนด์ , ประเทศแคนาดา , ประเทศบราซิล , ประเทศจอร์แดน , ประเทศซานโตรินี , ประเทศตุรกี , ประเทศเกาหลี , ประเทศนอร์เวย-ออสโล , ประเทศโครเอเชีย , ประเทศโปรตุเกส , ประเทศอียิปต์ , ประเทศฮ่องกง , กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย , ประเทศเปรู ซึ่งเมื่อมีการจองรายการนำเที่ยวแล้วจำเลยทั้งสองไม่สามารถจัดรายการนำเที่ยวให้กับผู้เสียหายได้ครบถ้วนโดยนำเงินจอง (มูลค่าหลายสิบล้านบาท) ในรายการดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนเองโดยทุจริต
เหตุเกิดที่ทำการบริษัท แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.และทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามจับกุมตัวนายภัคริคณ์ กรรมการบริษัท จำเลยที่ 2 ได้ตามหมายจับของศาลอาญาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.62 ชั้นสอบสวนให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวนั้นก่อนหน้านี้ ในชั้นสอบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มที่จองทัวร์ได้เดินทางไปท่องเที่ยวในราคาถูกได้จริงและได้รับการบริการไม่ต่างจากการไปเที่ยวในราคาปกติ แต่เมื่อกลับมาก็จะมีการจองรายการนำเที่ยวในโปรแกรมอื่นเพิ่มเติมอันเป็นการขยายวงลูกค้าออกไปซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในวิธีการหลอกลวงให้เชื่อว่าประชาชนซื้อทัวร์เพื่อเดินทางในครั้งแรกแล้วกลับมาซื้อทัวร์เพิ่มเติมได้ในครั้งถัดไป แต่เมื่อนักท่องเที่ยวซื้อทัวร์ในครั้งถัดไปกลับไม่ได้เดินทางตามทัวร์ที่ซื้อเอาไว้ โดยจะแจ้งขอเลื่อนการเดินทางโดยไม่แจ้งสาเหตุ และหลายรายการก็ไม่สามารถจัดให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปท่องเที่ยวตามที่ตกลง ทั้งที่รับค่าจัดกรุ๊ปทัวร์มาแล้ว โดยการกระทำนั้น มูลค่าความเสียหายเป็นเงิน ประมาณ 60,651,186 บาท
นอกจากนี้ ยังมีคดีที่ผู้เสียหายอื่นได้ยื่นฟ้องเองกับ บ.อี แอล ซี กรุ๊ปฯ และ นายภัทริคณ์ กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทด้วย ต่อศาลอาญาอีก 4 คดี คือคดีหมายเลขดำที่ อ.1201/2562 ที่ น.ส.จริญา ล่องประเสริฐ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บ.อี แอล ซีฯ และ นายภัทริคณ์ เป็นจำเลยที่ 1 - 2 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ซึ่งศาลมีคำสั่งรับฟ้องคดีแล้ว และนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 20 ธ.ค.นี้
คดีหมายเลขดำ อ.2111/2562 ที่ น.ส.เกศศินี จันทร์กระจ่าง , ว่าที่ ร.ต.รุ่งทิพย์ เจียมพล , น.ส.จุฑาทัพพ์ เตชะมรกต , น.ส.สายฝน ล่องประเสริฐ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1 - 4 ยื่นฟ้อง บ.อีแอล ซีฯ และนายภัทริคณ์ เป็นจำเลยที่ 1 - 2 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คดีอยู่ระหว่างนัดไต่สวนมูลฟ้อง
คดีหมายเลขดำ อ.2158/2562 ที่นายสัมฤทธ์ แดงมันฮับ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บ.อี แอล ซีฯ , นายภัทริคณ์ , นางขันทอง ดีพิชัย , นายอัครเดช รุ่งโรจน์วิริยะกุล เป็นจำเลนที่ 1 - 4 ในความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 และร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
โดยศาลนัดฟังคำสั่งการไต่สวนมูลฟ้องว่าคดีมีมูลหรือไม่วันที่ 3 ธ.ค.นี้ และคดีหมายเลขดำ อ.2159/2562 ที่ นายสัมฤทธิ์ แดงมันฮับ และนางศิรัสริญญ์ แดงมันฮับ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1 - 2 ยื่นฟ้อง บ.อี แอล ซีฯ และนายภัทริคณ์ , นางขันทอง ดีพิชัย , นายอัครเดช รุ่งโรจน์วิริยะกุล เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ศาลนัดฟังคำสั่งการไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 3 ธ.ค.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี